ประเทศไทย – เฮลล์แมนส์ (Hellmann’s®) แบรนด์มายองเนสอันดับหนึ่งของโลกได้นำหัวหน้าเชฟที่อายุน้อยที่สุดในสหราชอาณาจักร ลูค โทมัส มาแสดงนำในซีรีส์หนังสั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเฮลล์แมนส์ เรียล มายองเนส ในเอเชียเฮลล์แมนส์ เรียล มายองเนส (Hellmann’s® Real Mayonnaise) มายองเนสอันดับหนึ่งของโลกเปิดขายที่ประเทศไทยในรูปแบบขวดโหลและขวดบีบ กำหนดออกอกาศทางยูทูปและโซเชียลมีเดีย และวางจำหน่ายในประเทศไทยเดือนกรกฎาคมนี้
เชฟลูค โทมัส หัวหน้าเชฟที่อายุน้อยที่สุดในประเทศอังกฤษกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการทำอาหารว่า “ผมเริ่มหลงใหลในการทำอาหารตั้งแต่ผมอายุสามขวบสมัยนั้นผมอยู่ในครัวของคุณยาย ผมเกิดปี 1993 โตมาในนอร์ท เวลส์ ผมชอบดูเชฟทำอาหาร ในขณะที่เด็กคนอื่นดูฟุตบอลกัน ผมชอบแอบไปดูรายการเดอะเน็คเคด เชฟ ซึ่งทุกคนคิดว่าเชฟไม่ใส่เสื้อผ้า ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ตัวกะเปี๊ยก (เพราะ ในรายการทุกคนไม่รู้หรอกว่าเชฟใส่เสื้อผ้าปกติ) วิธีการปรุงอาหารเชฟในรายการ เจมี ออลิเวอร์ ดูแล้วมีเสน่ห์แบบแปลกๆจนทำให้การทำอาหารของผมเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้นผมก็เริ่มทำอาหารแบบลองผิดลองถูกตลอดมา ในฐานะวัยรุ่นที่หมกตัวอยู่กับอาหาร ผมไม่เคยเรียนทำอาหารแบบจริงจังเลย มีแค่ครั้งนึงที่ผมไปทำงานหลังร้านอาหารร้านมิสเตอร์วอห์น ตรงที่เขาหั่นเนื้อกัน แล้วก็ตอนช่วยงานในครัวที่ซอห์ตอน ฮอลล์ ตอนนั้นทุกอย่างไปได้ดี หลังจากผมติดต่อหัวหน้าเชฟ ผมก็ได้ทำงานในครัวของ เดอะ เชสเตอร์ โกรส์วีเนอร์ ซึ่งเป็นร้านมิชลินสตาร์ของโรงแรมที่ดีที่สุดในนอร์ทเวลส์ ผมใช้เวลาว่างเพื่อสังเกตุและฝึกฝนทักษะ เรียนรู้การตกแต่งอาหารแบบวิถีมิชลิน ตอนอยู่ โกรส์วีเนอร์ ผมชนะการแข่งขันทำอาหารของสปริงบอร์ดส์ ฟิวเจอร์เชฟ ผมใช้เนื้อลูกแกะเวลส์ทำอาหาร ผมไม่ทำหวือหวามาก ปีก่อนหน้าผมก็เคยชนะได้ที่สามมา ตอนนั้นผมถึงตระหนักว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอถ้าตั้งใจและรักในสิ่งที่ทำ”
เชฟลูค ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “พออายุ 16 ปี เวลาที่ผมควรหางาน“จริงๆ” ก็มาถึงซะที ผมโชคดีที่ได้มีคนเสนองานในครัวให้ แต่คิดแล้วคิดอีก ผมถึงรู้ว่าโลกของการทำอาหารที่กว้างใหญ่รอให้ผมออกไปสำรวจ ผมไม่ใช่คนที่ชอบเลือกทำอะไรที่ง่ายๆ ผมจึงตัดสินใจเลี่ยงเส้นทางที่ใครๆก็ทำกัน อย่างการหางานที่ร้านอาหารมิชลินสตาร์ดังๆ ผมเลือกเดินทางรอบโลกแทนเพื่อดูว่าเชฟในครัวอื่นเขาทำอาหารกันยังไง อย่างเช่น ครัว เจมี ออลิเวอร์ และแกรนต์ แอชฮตซ์ ของ อาลีเนีย ในชิคาโก ในเมื่อผมไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตทำงานในครัวแบบจริงจัง ผมเลยคอยสังเกตการทำงานของ เอียน โดนัลด์ ที่ ปิคโคลีโน และคอยเรียนรู้ธุรกิจการทำอาหารจากเขา ครั้งนี้ผมถึงได้เริ่มเรียนรู้แบบจริงๆ
ผมมีโอกาสเปิดร้านอาหารแห่งแรกเป็นของตัวเอง ชื่อว่า ลูคส์ ไดนิง รูม (Luke’s Dining Room) เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่หฤโหดก็ว่าได้ ผมไม่ได้แค่ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นหัวหน้าเชฟ แต่ผมต้องทำให้สาธารณะชนเห็นอีกด้วย บีบีซีได้ถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับผม เรื่อง “หัวหน้าเชฟที่อายุน้อยที่สุดแห่งสหราชอาณาจักร” ผมรู้สึกท้อแท้ในระหว่างการถ่ายทำ แต่สองปีให้หลัง ผมกับทีมก้าวหน้ามาไกลมาก การทำงานอย่างหนักหน่วงบวกกับความมุ่งมั่นทำให้ร้านอาหาร ลูคส์ ไดนิง รูม ได้รับตำแหน่งร้านอาหารของ เบิร์กเชียร์ แอนด์ บักกิงแฮมเชอร์ ประจำปี 2013”
หลังจากนั้น ผมจึงมีหนังสือเป็นของตัวเองเล่มแรกชื่อ ลูกส์ คุกบุค โดยมีสำนักพิมพ์เพนกวินตีพิมพ์ในปี 2014 ในหนังสือเป็นการรวบรวมอาหารบริทิชแบบคลาสสิค มีกลิ่นอายของวันเก่าๆ
ที่ถูกดัดแปรงให้เหมาะกับยุคสมัยใหม่ นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำร้านอาหารสไตล์ป๊อปอัพขึ้นมา ซึ่งเป็นร้านสไตล์อังกฤษย้อนยุค ชื่อ เรโทร ฟีสต์ (Retro Feasts) ร้านเปิดขายที่ลอนดอนเมย์แฟร์ได้ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นผมเลยตั้งร้านป๊อปอัพแบบถาวรที่ดูไบ แล้วอีกสองสามแห่งก็เปิดตามมา”
“ตอนปี 2015 เป็นช่วงเวลาที่ผมต้องออกไปทำอะไรเสี่ยงๆ อีกรอบ ผมร่วมทำแบรนด์โฮลเทลซึ่งถือว่าวุ่นวายพอตัว แบรนด์โฮสเทลชื่อว่า เจเนเรเตอร์ (Generator) โฮสเทลมีแผนเปิดตัวในเมืองต่างๆ เช่น ปารีส เบอร์ลิน โรม บาร์เซโลนา และ ไมอามี ผมกลายมาเป็นคนจัดการเลือกอาหารให้แบรนด์โฮสเทลแห่งนี้ หน้าที่ของผมคือการสรรหาอาหารจากหลายๆวัฒนธรรม และหลายๆประเทศ ซึ่งต้องมีรสชาติที่หลากหลาย เต็มไปด้วยพลัง และแหวกแนวอีกอย่างคือผมต้องพยายามคิดเพื่อเปลี่ยนอาหารแบบคลาสสิกให้ออกมาน่าสนใจเหมาะที่จะเสิร์ฟให้พวกวัยรุ่นหนุ่มสาวซึ่งพวกเขาเองก็กำลังเดินทางผจญภัยเหมือนกับผม ตอนนี้ผมกำลังวางแผนเปิดร้านอาหารแห่งแรกที่ลอนดอน ผมรวมคนหัวกะทิมาไว้ด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งที่พิเศษขึ้นมา ผมรู้สึกว่าที่นี่น่าเป็นร้านอาหารแห่งแรกที่ผมเป็นเจ้าของแบบจริงๆ หลังจากที่ผมเรียนรู้แบบจริงจังมาสองสามปี อาหารที่ผมทำเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ สไตล์การทำเริ่มเน้นไปในทิศทางที่ชัดเจน เบื้องหลังอาหารที่ผมทำคือแรงบันดาลใจที่ผมได้รับจากสถานที่และผู้คนที่ผมได้พบเจอ และในขณะเดียวกันผมก็ได้เขียนหนังสือเล่มใหม่ไปด้วย”
ชีวิตที่นอกเหนือจากการทำอาหาร
“เพลงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ ผมเล่นกีตาร์ตั้งต่อายุ 8 ขวบ (ซึ่งเล่นไม่เก่งเลย) ผมว่าเพลงกับอาหารเป็นอะไรที่เชื่อมโยงกันสุดๆ ทั้งสองสิ่งดึงดูดให้คนมารวมตัวกัน มันทำให้เกิดอารมณ์อะไรสักอย่างเป็นความสัมพันธ์แบบแปลกๆ เพื่อนร่วมธุรกิจร้านอาหารผมดูแลวงดนตรีร็อกชื่อดัง ไอเอิร์นเมเดน (Iron maiden) ตั้งแต่ตอนนั้น เพลงเลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมมากขึ้น สองปีที่ผ่านมาผมได้สรรหาพวกนักดนตรีเจ๋งๆ พวกนักดนตรีมีไฟที่อยู่ตามเทศกาลเพลงต่างๆ เช่น "บีบีซี เรดิโอ วัน บิ๊ก วีคเอน” “ดาวน์โหลด แอนด์ วี เฟสติวัล” ผมยังชื่นชอบวงดนตรีอย่าง ไอเอิร์นเมเดน, ดีเอ็นซีอี, ทอม โจนส์, เจมส์ เบย์, บาสตีย์ กับอีกหลายๆ วงเพลงยังคงเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญกว่าสิ่งอื่นๆ”
เขายังให้คำจำกัดความคำว่า “อาหารของเชฟลูค” “ผมก็เหมือนกับทุกๆ คนที่เติบโตและพัฒนาตามกาลเวลา การที่ผมได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่ รสชาติ และประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้ความความมุ่งมั่น และเส้นทางของผมเปลี่ยนไป และต่างจากที่เคยคิดไว้ อาหารของผมเปรียบเสมือนหม้อที่รวมหลาย ๆอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งความเข้มข้นความหลากหลาย ความเรียบง่าย ความสวยงาม และประสบการณ์”
สำหรับเฮลล์แมนส์ เรียล มายองเนส ผลิตจากจากไข่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อย 100% และน้ำมันจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน เปิดตัวครั้งแรกในเอเชีย โดยมีซีรีส์หนังสั้นนำแสดงโดย ลูค โทมัส หัวหน้าเชฟที่อายุน้อยที่สุดในสหราชอาณาจักร ซีรีส์หนังสั้นประกอบไปด้วย 3 ตอนด้วยกัน เชฟ ลูค โทมัส เป็นคนดำเนินเรื่องหลัก โดยจะเน้นที่ตัวเชฟในขณะที่มาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรกและกำลังสำรวจอาหารท้องถิ่น โดยมีบล็อกอาหารที่มีชื่อเสียงอย่าง “Starving Time เรื่องกินเรื่องใหญ่” ให้ความช่วยเหลือ ซีรีส์ชุดนี้แสดงให้เห็นว่า เชฟ ลูค มีความปรารถนาในการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาหารไทย และในทางกลับกันมีการนำเสนอสูตรอาหารที่ทานคู่กับเเฮลล์แมนส์ เรียล มายองเนสได้โดยการจิ้ม ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้อาหารท้องถิ่นอร่อยยิ่งขึ้น
หนังสั้นเรื่องนี้มีการล้อเลียนและสร้างเรื่องราวที่ขำขัน โดยในซีรีส์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารของไทยได้ท้าทายพ่อครัวที่มาจากสหราชอาณาจักรให้คิดค้นการจับคู่อาหารไทยกับเครื่องปรุงจากตะวันตกเฮลล์แมนส์ เรียล มายองเนส ถูกผลิตด้วยไข่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยและน้ำมันจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน และได้รับการคิดค้นสูตรในสหราชอาณาจักรทั้งส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยังเป็นแหล่งโอเมก้า 3 ที่ดีจากธรรมชาติผลิตภัณฑ์ถูกบรรจุมาในขวดโหลและขวดบีบที่สามารถบีบออกได้อย่างง่ายดาย นวัตกรรมของบรรจุภัณฑ์ช่วยลดการสูญเสียบรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นโดยไม่กระทบต่อคุณภาพและรสชาติ มีกำหนดวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทยภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ทางช่องยูทูปอย่างเป็นทางการ ของ Hellmann’s UK, เฟซบุ๊กแฟนเพจ Starving Time เรื่องกินเรื่องใหญ่ และ www.starvingtime.co.th ติดตามเชฟลูค โทมัสได้ที่ @cheflukethomas