กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับปมขัดแย้งระหว่างนักร้องลูกทุ่งสาวอินดี้ ผู้แต่งเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” กับ “ประจักษ์ชัย ไหทองคำ” เจ้าของค่าย “ไหทองคำ” หลังก่อนหน้านี้ดราม่าแรงเรื่องลิขสิทธิ์เพลง ถึงขนาดฝ่ายนักร้องสาวถูกรวบตัวบนเวทีถึง 2 ครั้ง จนเลยเถิดถึงขั้นจะฟ้องร้อง แต่ล่าสุด “อาม-ชุติมา” ไม่หวั่นถูกจับคาเวทีอีกครั้ง โดดมาร่วมงาน “Charming by miew Pre Opening Barbie Tofu Soap” เปิดตัวสบู่บาร์บี้เต้าหู้ (TOFU SOAP) ลิขสิทธิ์แท้จากบาร์บี้ หนึ่งเดียวในประเทศไทย! โชว์มินิคอนเสิร์ตสุดมันส์ ก่อนจะมาเปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่อราวที่เกิดขึ้น โดยเธอได้เปิดใจว่า..
ถามถึงการออกงานครั้งนี้หน่อย เป็นยังไงบ้าง
“ก็สนุกดีค่ะ เป็นงานที่รับไว้นานแล้วก่อนที่จะมีเรื่อง ถ้าถามว่าจัดการความรู้สึกยังไง คือเวลาทำงานก็แบ่งหน้าที่ เก็บความรู้สึกไว้ค่ะ แต่ไม่เป็นไรเพราะไม่มีอะไรมากค่ะ”
ก่อนขึ้นร้องเพลงวันนี้ เรามีกังวลมั้ย
“ตอนนี้สบายใจขึ้นมากแล้วค่ะ (กลัวมั้ยตอนขึ้นร้องเพลงจะมีคนมารวบตัวอีก) ก่อนหน้านี้กลัวค่ะ แต่ตอนนี้โอเค สบายใจขึ้นแล้วอมีผู้ใหญ่เข้ามาช่วยแล้วค่ะ”
ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นต่างๆ อยู่ในขั้นไหนแล้ว
“ตอนนี้มอบให้ผู้ใหญ่จัดการค่ะ ผู้ใหญ่หมายถึงทนาย ถามว่ามั่นใจมั้ยก็มั่นใจนะคะ”
อยากให้เราอธิบายตอนเซ็นเอกสารที่โรงพัก ตกลงเขาเป็นเครือข่ายเดียวกันหรือคนละเครือข่าย
“อันนี้ก็ตามที่หนูให้ข่าวไปนะคะ ไม่ขอพูดดีกว่า ถามว่าทนายขอไว้หรือใครขอไว้ อันนี้หนูจะพูดอีกทีตอนฉีกสัญญา (คือเรามั่นใจว่าเราสามารถฉีกสัญญาได้) ค่ะ”
ถามถึงเรื่องตอนที่เราเซ็นสัญญา ฝั่งนั้นบอกว่าแม่เราตอนเซ็นมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ตอนเซ็นก็มีความสุขดี ไม่ได้โดนบังคับอย่างที่เราเคยให้ข่าวไว้
“อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดเห็นค่ะ”
สำหรับเรา ณ วันนั้นที่เซ็นสัญญา เราเป็นยังไงบ้าง
“ตอนนั้นคือ 3 ปีที่แล้ว บรรยากาศตอนนั้นหนูมีความฝันเนอะ เป็นเด็กบ้านนอก กำลังจะมีเพลงของตัวเอง ตอนนั้นอายุ 16 ค่ะ”
ขอถามถึงเรื่องที่เกิดที่ จ. สระแก้ว หน่อย เขาบังคับเรา หรือเราเซ็นเอง
“ตามข่าวเลยค่ะ”
เราเป็นคนขอให้ค่ายนายพลเข้าไปช่วยเคลียร์ปัญหารึเปล่า
“ตามข่าวเลยค่ะ คือไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะผู้ใหญ่บอกว่าเรื่องนี้หนูไม่ต้องพูดอีกแล้วดีกว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า หนูขอไม่พูดอะไรดีกว่านะคะ เอาไว้หลังจากนี้พอฉีกสัญญาเดี๋ยวหนูมาเล่าหรืออธิบายให้ฟังดีกว่า”
ค่ายนายพลบอกว่าหลังจากที่เราเซ็นวันนั้นที่ สภ.อ.วังน้ำเย็น ไม่ได้ระบุว่ากี่ปี แต่วันนี้เขาบอกว่าเราจะต้องอยู่กับเขาต่อ 3 ปี
“ตอนนั้นที่เซ็นคือเขาไม่ได้บอกว่าอยู่กี่ปี ตอนนั้นในความรู้สึกคือเซ็นออกจากโรงพักค่ะ เขาบอกหนูให้เซ็น ถ้าไม่เซ็นหนูติดคุก หนูก็ต้องเซ็นค่ะ”
แต่เราไม่รู้ว่าเซ็นแล้วต้องเป็นศิลปินในสังกัดเขา?
“ไม่รู้ค่ะ เขาไม่ได้บอก เขาบอกว่าสัญญามันไม่มีผลนะคะ พอออกมาก็เสร็จสรรพ ไม่มีอะไร”
แล้วพอมารู้ทีหลังเราเสียความรู้สึกมั้ยว่าเหมือนโดนหลอก
“ก็เสียความรู้สึก มันซ้ำซ้อนค่ะ เรื่องเดิมๆ มันซ้ำอีกค่ะ”
ค่ายนายพลพูดแล้วว่าสัญญาที่เราเซ็นวันนั้นมีผล 3 ปี ถึงตอนนั้นที่เซ็นไม่ได้ระบุวันเวลาก็จริง
“อันนี้ก็แล้วแต่ค่ะ ก็ให้ผู้ใหญ่เข้ามาช่วยจัดการค่ะ”
แสดงว่าตอนนี้ก็มี 2 คดีแล้ว
“คือตอนนี้หนูก็ยังงงอยู่ว่าสัญญาซ้อนมันได้ยังไง อันนี้ที่มาที่ไปเป็นยังไง เดี๋ยวรอให้ฝ่ายกฎหมายดูแลดีกว่า”
กลัวมั้ยเขาจะฟ้องเป็นอีกค่ายนึง
“ตอนนี้กลัว (หัวเราะ) ก็เป็นไงเป็นกันค่ะ”
ค่าย “นายพลเอนเตอร์เทนเม้นต์” เอาเอกสารไปให้เราเซ็น คิดว่าเป็นแผนกลลวงของค่ายมั้ย
“ตอนนั้นมันไม่ใช่เอกสารนะคะ ตอนที่เซ็นมันเป็นบันทึกประจำวัน เขาไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นเอกสารอะไร”
เราได้อ่านข้อมูลในนั้นรึเปล่า หรือเรารีบเซ็นเพราะไม่อยากเข้าคุก
“เขาบอกว่าเซ็นเพื่อออกจากโรงพักค่ะ”
แล้วเราได้ย้อนกลับไปอ่านมั้ยว่าตกลงมันเป็นสัญญาหรือบันทึกประจำวัน
“ในตอนนั้นเป็นสถานการณ์ที่กดดัน ด้วยความที่หนูก็กลัวด้วยค่ะ (แสดงว่าเราไม่ได้ตรวจสอบเอกสารอะไรเลย) อ่านค่ะ อ่านผ่านๆ หนูก็ยังงงๆ อยู่ว่าถ้าสมมติมันเป็นสัญญาซ้อน คือสัญญามันซ้อนกันได้มั้ย”
แต่สัญญาก็ต้องมีคนละฉบับ เราได้สัญญากลับมาด้วยมั้ย
“ได้ค่ะ เขาบอกว่าเป็นเอกสารที่เอาไว้กันตำรวจเวลาตำรวจมาจับ ถามว่าได้กลับไปอ่านอย่างละเอียดมั้ยว่าตกลงเราเป็นศิลปินในสังกัดเขามั้ย ตอนนี้เอกสารอยู่กับผู้ใหญ่หมดเลยค่ะ (แสดงว่าเราไม่ได้ย้อนกลับไปอ่านเอกสารที่เราเซ็นวันนั้น) ค่ะ”
ระหว่างนี้การทำงานก็มีงานติดต่อมา เราจะทำยังไง
“อันนี้ขอไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวให้ผู้ใหญ่มาชี้แจงแล้วกัน ให้ผู้ใหญ่เป็นคนดูแล”
วันจันทร์ค่ายนายพลเรียกเรามาคุยที่ค่าย อามจะไปคุยกับเขามั้ย
“ถ้าว่างหนูก็อยากไป เพราะว่าเอาตรงๆ หนูอยากจบเรื่องราวตรงนี้ หนูไม่อยากให้มันบานปลายค่ะ หนูอยากเป็นอิสระ ไม่ต้องมีค่ายค่ะ”
ก่อนหน้านี้ที่เราฟ้องกลับเรื่องไม่ได้ค่าตัวที่เป็นธรรมกับเขา คือเราต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ ณ วันนี้เราอยากแค่ให้เรื่องมันจบเท่านั้นใช่มั้ย แล้วมันจะมีทางเป็นไปได้หรือเปล่า
“ตามที่ทนายบอกคือสามารถเป็นไปได้”
เราดูมั่นใจมากพอสมควรว่าจะชนะ
“มั่นใจค่ะ แต่ถ้ามันจะอะไรยังไงเราก็ได้สู้แล้ว เราได้เดินหน้าแล้ว ก็อยากจะสู้ให้ถึงที่สุด”
ทางประจักษ์เขาก็ยืนยันมาแล้วว่าเราผิดสัญญาตามเงื่อนไขที่เราได้เซ็นไป เรามีอะไรจะบอกกับคนที่เข้าใจผิดมั้ย
“ตามจริงเรื่องนี้เราให้ข่าวไปบ่อยมากแล้ว ผู้ใหญ่บอกว่าไม่ต้องพูดดีกว่าเรื่องนี้ ก็ตามที่เคยพูดที่ผ่านๆ มา”
คือเราจะยอมจ่าย 2 ล้าน ตามที่เขายื่นข้อเสนอมาหรือให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
“ให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายค่ะ”
เราจะไม่ยอมจ่าย 2 ล้าน เพื่อซื้ออิสระให้ตัวเอง
“2 ล้าน ตอนนี้เราไม่มี ถ้ามีเราพร้อมค่ะ ด้วยหลายๆเรื่อง จบจากเรื่องนึงก็มาอีกเรื่องนึง ตอนนี้มันก็หนักสำหรับเรา ก็ยังดีที่มีผู้ใหญ่เข้ามาช่วย เขาก็ดูแลเรื่องทั้งหมดให้”
ณ วันนี้ที่เราออกงานอีเว้นท์ เรายังเอาเพลงที่มีลิขสิทธิ์ของเขามาร้องอยู่มั้ย
“ไม่ค่ะ ก็หลีกเลี่ยง”
จะมีนัดไกล่เกลี่ยกันอีกเมื่อไหร่
“ยังค่ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการดูแลไปเลย ถ้าสมมติว่าทางค่ายอยากจะเคลียร์ก็ต้องมีผู้ใหญ่ไปเคลียร์ด้วย”
ทางเรายังมีข้ออะไรที่ติดใจอยู่มั้ยหรือมีแค่สัญญาที่อยากจะยกเลิก
“เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่เลยค่ะ ผู้ใหญ่ว่ายังไงก็ว่าตามนั้นเลย สำหรับเราแค่อยากจะมีอิสระ อยากจะทำงานต่อ อะไรที่มันจะเป็นไปได้ก็ยินดี”
เสียความเป็นลิขสิทธิ์เจ้าของเพลงที่เราแต่งมั้ย
“ในความรู้สึกมันก็ยังเป็นเพลงของเราอยู่ดี ถึงยังไงก็ตามมันก็ยังเป็นของเรา”
ทางผู้ใหญ่ของเราจะทำเรื่องฟ้องภาษีจากรายได้ของเราด้วยที่ต้องได้จากการทำงานที่ไหทองคำเรารู้เรื่องด้วยมั้ย หรือเราไม่รู้เรื่องไม่เกี่ยวข้อง
“ค่ะ”
หลังจากนี้สามารถออกงานได้ปกติหรือยกเลิกไป
“ก่อนหน้านี้ตอนช่วงที่ออกมาแรกๆก็มีงานเข้ามาก็รีบไว้ตอนช่วงนั้น งานที่ช่วงนี้ยาวๆ ก็คือช่วงนั้นเลย หลังจากนี้งานก็ยังต้องเดินหน้าต่อ”
คนที่จ้างเราเผื่อเขาจะกลัวว่าจ้างเราแล้วจะโดนรวบอีกเราจะบอกเขายังไงบ้าง ว่าสามารถจ้างเราได้ไม่มีปัญหา
“นายจ้างส่วนมากเข้าใจค่ะ ส่วนใหญ่คนที่จ้างก็จะเป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มีติดต่องานเข้ามาเรื่อยๆ ก็รับค่ะ”
พอมีผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเราก็กล้ารับงานขึ้น
“กล้าค่ะ ก็ต้องดูด้วยว่าหน้างานเป็นประมาณไหน”
ทนายบอกว่าเพลงนั้นสามารถเอาไปร้องได้ ถ้าใครจะมาจับไม่มีสิทธิ์มาจับ
“ไม่เกี่ยวกับเพลงนะคะที่ทนายบอก”
ผู้ใหญ่ของเราไปบอกว่าถ้า “ลำไย” เอาเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” ไปร้อง เขาก็จะไปจับเหมือนกัน
“(เงียบไม่ตอบ)”
“ลำไย” กับเราคุยกันดีมั้ยตอนนี้
“กับพี่ลำใยไม่ได้คุยกันตั้งแต่เราโดนจับ ช่วงหลังๆไม่ได้คุยกันเลย อันนี้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่แล้วแต่ผู้ใหญ่จะจัดการ ไม่เกี่ยวกับเรา เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”
“ลำไย” มีมาคุยกับเราบ้างมั้ยตั้งแต่เกิดเรื่อง
“ไม่มีค่ะ คือตอนนี้ห่างกัน แต่ความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิมกับพี่เขา เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน”
เรารู้สึกยังไงบ้าง พี่ๆในวงการลูกทุ่งหลายคนออกมาให้กำลังใจ
“ก็ขอบคุณพี่ๆและผู้ใหญ่ในวงการที่เข้าใจ เข้ามาดูแลเรื่องนี้ พี่ๆหลายคนก็เข้ามาเป็นกำลังใจให้ ขอบคุณมากค่ะ”
ด้านคุณแม่ของ “อาม-ชุติมา” เผยถึงเรื่องนี้ว่า…
คุณแม่ให้กำลังใจลูกยังไงบ้าง
“ก็ให้กำลังใจตลอดค่ะ”
ย้อนถามไปเมื่อวานที่เซ็นสัญญา เขาบอกเราแฮปปี้มีสติสัมปชัญญะดีในการเซ็นสัญญา
“แม่ไม่ขอตอบนะคะ ให้ผู้ใหญ่ดูแลแล้ว แม่อยากให้เรื่องมันจบด้วยดี”
แม่ผิดหวังมั้ยที่เราไว้ใจเป็นพยานในการเซ็นเอกสารให้ แต่เรื่องกลับกลายเป็นแบบนี้
“ค่ะ”