พรรคมหาชนประกาศขอสืบทอดเจตนารมณ์ของ “พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์” ในยุคเปลี่ยนผ่านทางการเมือง นักการเมืองรุ่นเก่าขอส่งต่อเก้าอี้ทางการเมืองให้กับ ประชาชนคนธรรมดาแต่มากความสามารถ ชูคอนเซ็ป ให้พื้นที่การเมืองเป็นเรื่องของคนทุกอย่างแท้จริง งานนี้ “พรรคมหาชน” เลือกเปิดตัวคนรุ่นใหม่ “บิ๊บ ทอมพ่อพระ” และ “นาดา” กะเทยนักต่อสู้เพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ เดินหน้าเชิญชวน คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดามาร่วมพลิกประวัติศาสตร์การเมืองไทย ภายในงานบรรยากาศคับคั่งไปด้วย Net Idol นักธุรกิจออนไลน์ ประชาชนจากหลากหลายสาขาอาชีพ
“นายอภิรัต ศิรินาวิน” หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า “คนไทยต้องมีความเท่าเทียม เข้าถึงโอกาส และมีสิทธิเสมอภาคกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นคนจน คนพิการ พนักงานบริการทางเพศ คนเดินกินอาหารข้างถนน หรือแม้แต่เป็นคนเพศหลากหลายก็ตาม เราฝันมาหลายปีแต่ยังไม่เกิดขึ้นซักที ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้ามาในเส้นทางการเมืองจากการเป็นประชาชนคนธรรมดา…ในรัฐสภาคุณมีโอกาสส่งเสียงเพื่อเปลี่ยนนโยบาย ออกกฎหมายเพื่อช่วยให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น ผมอยากให้ฝันของผมเป็นฝันของคนรุ่นใหม่ คนที่ถูกสังคมมองข้าม ไม่ให้ความสำคัญ ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่พรรคมหาชนจะเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ เช่นวันนี้ที่พรรคของเรามี ทอมพ่อพระ และ กะเทยนักปกป้องสิทธิมาสมัครสมาชิกพรรคและแสดงเจตนารมณ์ลงสมัครเป็นผู้แทนประชาชนเพื่อเข้าไปทำงานในรัฐสภา
“กิจจาณัฐฏ์ ชัยยศบูรณะ” ทอมพ่อพระ นักธุรกิจทอมที่ประสบความสำเร็จโด่งดังในโซเชียลมีเดีย กล่าวว่า “ผมเชื่อในการลงมือทำ หลายคนเคยถามผมว่า ชาติตระกูลผมร่ำรวย ไม่ต้องทำอะไรแล้วชีวิตนี้ ผมบอกเลยว่าไม่จริง ผมทำงานด้วยลำแข้งตัวเอง ผมสร้างประวัติศาสตร์และเส้นทางความสำเร็จให้ชีวิตตัวเองในฐานะทอมคนหนึ่ง ที่ผ่านมาการช่วยเหลือให้กับคนขาดโอกาสทางสังคมไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาปากท้องที่ยั่งยืน ความไม่เท่าเทียมทางเพศ ผมสงสัยว่าทำไมเกิดเป็นคนในประเทศนี้ ถึงได้เป็น #ไทยไม่เท่ากัน มันถึงเวลาแล้วที่ประเทศชาติของเราต้องก้าวสู่ยุค #ไทยที่เท่าเทียม วันนี้พรรคมหาชนให้โอกาสผมได้ลงสนามการเมือง เปิดกว้างให้ผมเป็นตัวแทนของพรรคสู้ศึกเลือกตั้งเพราะพรรคเชื่อว่าทอมธรรมดาที่ไม่ธรรมดาแบบผมจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้นได้จริง
ปิดท้ายด้วย “นาดา ไชยจิตต์” กะเทยนักปกป้องสิทธิกว่าสิบปี ในเส้นทางนักกิจกรรมเพื่อสังคม ตบเท้าเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคมหาชนกล่าวถึงสาเหตุสำคัญที่เธอตัดสินใจลงสนามแข่งขันที่นั่งในรัฐสภาว่า “มักได้ยินนักการเมืองบอกกับเราว่า คุณอยากจะได้สังคมแบบไหนให้ลูกหลานของคุณเติบโตขึ้นมา แต่สิ่งที่ดิฉันเห็นในวันนี้คือ สังคมที่บอกกับดิฉันว่าคุณจะเป็นเพศอะไรก็ได้ ขอแค่ให้เป็นคนดี…ดิฉันจะเป็นคนดีได้อย่างไรในเมื่อสังคมไทยมอบประสบการณ์แห่งการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมทางเพศต่อดิฉันตลอดเวลา ในฐานะกะเทย ดิฉันมีสิทธิได้เพียงไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง แต่สิทธิของดิฉันไม่เคยได้รับการมองเห็น วันนี้ดิฉันขอเป็นผู้กำหนดชีวิตลิขิตชะตาตัวเอง ขออุทิศตัวลงสมัครเป็นผู้แทน คนชายขอบของสังคมในรัฐสภาอันทรงเกียรติ สู้ศึกสนามเลือกตั้งครั้งนี้”