กรุงเทพฯ -17 ธันวาคม พ.ศ.2561 -บริษัท แอสทราลพูล ประเทศไทย หนึ่งในเครือบริษัทฟลุยดรา ผู้นำทางด้านนวัตกรรมอุปกรณ์สระว่ายน้ำระดับโลกจากประเทศสเปน ประกาศขึ้นแท่นผู้นำในอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำ หลังจากควบรวมกิจการกับโซดิแอค ทำให้มีไลน์สินค้าและนวัตกรรมเพิ่มขึ้นในทุกประเภทรวม 75,000 รายการ มีวิศวกรและผู้เชียวชาญกว่า 5,500 คนที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 49 ปี มีสำนักงานทั่วโลกรวมกันกว่า 46 ประเทศทั่วโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่บาร์เซโลน่า
มูลค่าตลาดของธุรกิจสระว่ายน้ำทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 7.1 พันล้านยูโร (2.8 แสนล้านบาทไทย) โดยภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปรวมกันมีสัดส่วนสูงถึง 79% และบริษัทฟลุยดรามีส่วนแบ่งทางการตลาด 18% หากแบ่งตามประเภทของสระว่ายน้ำทั่วโลก สัดส่วนของสระว่ายน้ำตามบ้าน (residential pool) จะอยู่ที่ 76% ในขณะที่สระว่ายน้ำเชิงพาณิชย์จะอยู่ที่ 24% แต่สำหรับแถบเอเชียจะตรงกันข้าม สระว่ายน้ำเชิงพาณิชย์จะมีสัดส่วนที่สูงกว่า ในขณะที่ประเทศไทยสัดส่วนจะประมาณครึ่งต่อครึ่งระหว่างสระส่วนตัวกับสระเชิงพาณิชย์
สำหรับการคาดการณ์การเติบโตของตลาดนี้ทั่วโลกโดยเฉลี่ย (ระหว่างปี 2014-2017) อยู่ที่ 4-6% แต่ตลาดในเอเชียจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก เนื่องจากตลาดนี้การเติบโตจะขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและการเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยแบ่งเป็น
• การสร้างสระใหม่ 1-1.5%
• การซ่อมสระเก่า 1.5-2%
• สระที่มีฟีจเจอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ 1.5-2.5%
บริษัทฟลุยดรามีวิศวกร R&D มากกว่า 200 คน มีนวัตกรรมสิทธิบัตรมากกว่า 1,100 สิทธิบัตร รายการสินค้าทั้งหมดมากกว่า 75,000 รายการ ครอบคลุมทุกองค์ประกอบของสระว่ายน้ำ และมีนโยบายการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมทั้งการคิดค้นนวัตกรรมที่ลดการใช้พลังงานเพื่อความยั่งยืน หรือ Green Energy
ลูกค้าในประเทศไทย อาทิ โรงแรม Angsana Lagula ภูเก็ต สวนน้ำ Cartoon Network พัทยา (ระบบหมุนเวียนน้ำ) Virgin Active Fitness Center (เอ็มควอเทียร์) สวนน้ำ Santorini Park หัวหิน โรงแรม Banyan Tree ภูเก็ต Movenpick พัทยา โรงแรม Veeranda Resort หัวหิน ฯลฯ
สำหรับประเทศไทยมีดีลเลอร์ 2-3 รายในแต่ละภูมิภาค ซึ่งดีลเลอร์จะดูแลลูกค้าสำหรับบริการหลังการขายเช่นกัน ส่วนในปีหน้าการทำการตลาดจะเน้นไปในการสร้างแบรนด์ เช่น การจัดทำ Display Kiosk ให้กับดีลเลอร์ การออกงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสถาปนิก การทำ Product Training การทำการตลาดโซเชียลมีเดีย (SEO, YouTuber, Tutorial VDO, Line, FB) กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แก่ โรงแรมและรีสอร์ท สปอร์ตเซ็นเตอร์และฟิตเนสเซ็นเตอร์ สระว่ายน้ำสำหรับการแข่งขัน กลุ่มบริษัทก่อสร้าง และผู้รับเหมาวางระบบไฟฟ้า ประปา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโปรเจกต์ เทิร์นคีย์ ได้แก่โรงแรม Imperial Boat House สมุย Virgin Active Whizdom 101 ฯลฯ โดยจะเน้นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ ตั้งเป้าปีหน้าโตสองหลัก เพราะเชื่อมั่นในทีมงาน สินค้า และตลาดประเทศไทยมีการเติบโตของนักท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์