สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เตรียมระเบิดความมันส์กับศึกรถยนต์ทางเรียบเวิลด์คลาส ตำนานสุดยิ่งใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นรายการ “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019” วันที่ 29-30 มิถุนายนนี้ เปิดประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับเวิลด์คลาสสู่แฟนชาวไทย เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันจัดเต็มบรรยากาศแดนปลาดิบสู่แทร็คบุรีรัมย์ อัดแน่นกิจกรรม ผสานบันเทิง ไทย-ญี่ปุ่นตลอดทั้งสุดสัปดาห์ ขณะที่ “ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ,ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ” ยอดนักขับไทยหวังพา แพนเธอร์ อาร์โตะ ทีม ไทยแลนด์ เรียกเสียงเฮในบ้านเกิด
บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย, บริษัท จีทีเอ จำกัด ฝ่ายจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที และพันธมิตรหลัก บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ซึ่งเป็นศึกมอเตอร์สปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่นที่มีผู้ติดตามทั่วโลก “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019 “ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 มิถุนายน 2562 ที่ จ.บุรีรัมย์
โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว ร่วมกับ มาซาอากิ บันโดะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีทีเอ ฝ่ายจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที รวมถึง นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, นายสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ , นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต, นายวรเทพ เจิมจุติธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด รถยนต์นั่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด,คุณมนวรา เพชรพลากร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ส่วนการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้ง นักแข่งจากทีม แพนเธอร์ อาร์โตะ ทีม ไทยแลนด์,นักแข่งจากรายการ โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต, นักแข่งจากรายการ ฮอนด้า เรซซิ่ง 2019
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดทั้ง 5 ปีที่จัดการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากแฟนความเร็วชาวไทย และต่างชาติ ทำสถิติตัวเลขผู้เข้าชมเป็นอันดับต้นๆ ของรายการนี้ ขณะเดียวกันยังมีการถ่ายทอดไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ผ่านสายตาผู้ชมไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน โดยซูเปอร์ จีที ถือเป็นรายการระดับโลก ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้งตลอดฤดูกาล ออกมาแข่งขันนอกประเทศญี่ปุ่น เพียงสนามเดียวคือที่ประเทศไทย ตลอดทั้ง 3 วันของการแข่งขันมีแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นหลั่งไหลเข้าชมเกมส์อย่างคับคั่งเป็นจำนวนหลายหมื่นคน
ซึ่งสิ่งนี้สามารถเพิ่มรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการพัฒนาความสามารถของนักแข่งไทยที่ร่วมทำการแข่งขัน การกีฬาแห่งประเทศไทยจึงพร้อมผลักดัน และสนับสนุนในทุกด้าน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาไทยให้ได้ลงแข่งในรายการระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และใช้กิจกรรมกีฬาในการกระจายความเจริญ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาคต่อไป
มร.มาซาอากิ บันโดะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีทีเอ ฝ่ายจัดการแข่งขัน ซูเปอร์จีที กล่าวว่า “ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ซูเปอร์ จีที กลับมาถึงสนามที่ประเทศไทยอีกครั้ง ที่ผ่านมาซูเปอร์ จีที ได้รับความสนใจจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยเป็นอย่างดี ด้วยการเนรมิตบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นมาอยู่ที่บุรีรัมย์ปีละครั้ง ก่อนเดินทางมาแข่งขันในประเทศไทย ศึก ซูเปอร์จีที 2019 ดวลความเร็วไปแล้วทั้งสิ้น 3 จาก 8 สนามในฤดูกาลนี้ โดยสถานการณ์ลุ้นแชมป์ล่าสุดนั้นยังคงเข้มข้นอย่างมาก และจากการประสบความสำเร็จสูงสุดในการจัดการแข่งขันโมโตจีพีที่จัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เชื่อว่ากระแสความนิยมมอเตอร์สปอร์ตได้ถูกจุดติดแล้วในเมืองไทย สำหรับการแข่งขันซูเปอร์ จีที ในปีนี้ คาดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ ชาวไทยอย่างล้นหลามยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน”
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า การแข่งขันซูเปอร์ จีที มีจุดเด่นอยู่ที่การรวบรวมสุดยอดรถแข่งระดับโลก ซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยในรุ่นจีที500 เป็นคลาสสูงสุดที่มีรถแข่งที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีสูงสุดของค่ายผู้ผลิต โดยนอกจากยอดนักขับชั้นนำของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีชื่อนักขับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกหลายคนลงแข่งขันในรายการนี้ อาทิ เจนสัน บัตตัน อดีตแชมป์โลกฟอร์มูล่าวันชาวอังกฤษ, เฮคกิ โควาไลเนน อดีตนักขับเอฟวันชาวฟินแลนด์ รวมถึง คาซูกิ นากาจิม่า อดีตนักขับรถสูตรหนึ่งชาวญี่ปุ่นด้วย ส่วนในรุ่น จีที300 นั้นถือเป็นการรวมเอารถแข่งซูเปอร์คาร์ชั้นนำของโลกแทบทุกแบรนด์ไว้ด้วยกัน ขอเชิญชวนแฟนความเร็วชาวไทยร่วมชมและเชียร์นักแข่งไทย “ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ” “ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ” จากทีมแข่งสัญชาติไทยหนึ่งเดียวอย่าง แพนเธอร์ อาร์โตะ ทีม ไทยแลนด์ คว้าชัยโฮมเรซ
“สำหรับ ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019 นอกจากแฟนๆจะได้ชมการแข่งขันที่เข้มข้น ยังมีกิจกรรมไฮไลท์ที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตรอคอย อาทิ กิจกรรมพิตวอล์ค ชมรถซูเปอร์คาร์สุดหรูมูลค่ากว่าพันล้านบาท กระทบไหล่นักขับระดับโลก และเรซควีนสุดน่ารักส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 100 คน รวมถึง เซอร์กิต ซาฟารี กิจกรรมเอาใจแฟนความเร็ว นั่งรถบัสขนาดใหญ่ชมมนต์เสน่ห์ของการแข่งขันซูเปอร์จีที สัมผัสความเร็วและแรง ระหว่างทำการซ้อมในแทร็กเดียวกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่เป็นซัพพอร์ตเรซ อย่าง โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต และ ฮอนด้า เรซซิ่ง 2019 อีกด้วย”
นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน รองผู้อำนวยการโครงการไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มช้าง กล่าวว่า ซูเปอร์จีที คือรายการใหญ่ระดับตำนานของญี่ปุ่น รายการแรกที่มาจัดที่สนามช้างฯ ในฐานะไตเติ้ลสปอนเซอร์การแข่งขันเป็นปีที่ 3 การจัดการแข่งขัน นอกจากจะช่วยผลักดันนักแข่งไทยไปสู่ระดับโลกแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสชมการแข่งขันระดับโลกโดยไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ
โดยเครื่องดื่มตราช้าง เตรียมกิจกรรมความบันเทิงอัดแน่นตลอด 3 วัน เนรมิตสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และพื้นที่โดยรอบให้กลายเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบย่อมๆ ในกิจกรรม “ช้าง ไทย-เจแปนนีส สตรีท เฟสติวัล” มหกรรมรวมความสนุกแบบสตรีท 2 สไตล์ ได้แก่ งานวัดแบบไทยและ งานวัดสไตล์ญี่ปุ่น เกมส์ การละเล่นต่างๆ ,สตรีทฟู้ด อาหารไทย-ญี่ปุ่น ให้เพลิดเพลินกันทั้งวัน
นอกจากนี้ยังมีมหกรรมรถแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ร่วมร้อยคัน,การเปิดท้ายขายของแต่งรถ Car Swap Meeting ครั้งแรกในภาคอิสาน และ มหกรรมรถซาวด์ซิ่งที่ยิ่งใหญ่ตระการตา พบการแสดงจาก King of ซาวด์ซิ่ง สนุก เร้าใจ ในสไตล์ Outdoor Party
แฟนความเร็วสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ allticket.com หรือที่ร้าน 7-Eleven ทุกสาขา บัตรเข้าชมมี 5 แบบ ได้แก่ บัตรแกรนด์สแตนด์ 1 วัน ราคา 700 บาท/ 2 วัน ราคา 1,000 บาท , บัตรไซด์สแตนด์ 1 วัน ราคา 200 บาท/ 2 วัน ราคา 300 บาท ,บัตร บัส ซาฟารี ในราคา 500 บาท บัตร Pit Walk ราคา 300 บาทและ บัตร Grid Walk ราคา 500 บาท