บ่ายวันนี้ (27สิงหาคม2562)นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายแพทย์อนุชา พาน้อย Chief Executive Officer (CEO), Doctor A to Z ร่วมกันให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงาน Amazing Thailand Health and Wellness Road Show to Bahrain ณ ห้องสมุด ททท.
นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่การด้านตลาดยุโรปแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท.กล่าวว่าททท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวกลุ่มสุขภาพและ ความงาม ซึ่งเป็นตลาดที่นสนใจและมีการใช้จ่ายสูงอีกทั้งประเทศไทยได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ เนื่องจากมีการให้บริการด้านการแพทย์สถานพยาบาล คลินิกด้านสุขภาพความงาม สปา ที่ได้รับมาตรฐานสากล รวมถึงมีความคุ้มค่ากว่ประเทศอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน ททท.จึงได้กำหนดกลยุทธ์ขยายฐานตลาดกลุ่มความสนใจพิเศษในแผนงานส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม เพื่อสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะ Health and Wellness Destination พร้อมทั้งนำแนวคิดการให้บริการด้านสุขภาพและความงาม คุณภาพการให้บริการมาเป็นแรงจูงใจ ในการเดินทางมายังประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นซึ่งสามารถขยายผลถึงสินค้าทางการท่องเที่ยวต่างๆของไทยอีกด้วย และในครั้งนี้ ททท. มุ่งตลาดบาร์เรนโดยการจัดงาน The Amazing Thailand Health & Wellness Roadshow to Bahrain ในวันที่ 17 กันยายน 2562 ณ Gulf Hotel ราชอาณาจักรบาห์เรน เพื่อเป็นกรกระตุ้นตลาดตะวันออกกลางในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบด้านความผันผวนทางเศรษฐกิจน้อยหากเทียบกับตลาดอื่น อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงการเดินทางมาท่องเที่ยวของตลาดตะวันออกกลางมายังประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งนักท่องเที่ยวบาห์เรนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและรักษาพยาบาล รวมถึงดูแลสุขภาพ
และความงามในประทศไทยโดยมีแหล่ง ท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ กรุงทพฯ ภูเก็ต สมุย พัทยา และเชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรปแอฟริกาตะวันออกกลางและอเมริกา ททท. กล่าวในรายละเอียดว่า ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ททท.ได้ร่วมมือกับ Doctor A to Z ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมสินค้า และบริการคุณภาพของผู้ประกอบการธุรกิจ Health and Wellness ของไทย ซึ่งเป็นการจัดงานส่งเสริมการขายสินค้าและบริการในรูปแบบ Hybrid Roadshow คือทั้งในแบบ B2B และ B2C โดยได้เชิญผู้ประกอบการไทย (Sellers) กลุ่มดังกล่าว 20 หน่วยงาน เดินทางไปพบปะเจรจาซื้อขายแบบ B2B กับกลุ่มผู้ซื้อ (Buyers)
คุณภาพในพื้นที่บาห์เรน และในกลุ่มประเทศคณะมนตรีควมร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ(GCC: Gulf Cooperation Council) จำนวน 30 หน่วยงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อ (Buyers) จากชาอุดิอาระเบีย ที่จะมีโอกาสมาร่วมเจรจาซื้อขายในครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้ยกเว้นให้นักท่องเที่ยวของตนเดินทางมารักษาพยาบาลในประเทศไทยได้ 90 วัน ซึ่งการจัดกิจกรรมของ ททท.ในครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ผลักดันและร่วมมือกับภาคเอกชนด้าน Health and Wellness เพื่อนำไปสู่การซื้อ-ขายสินค้าและบริการด้าน Health and Wellness ของไทยผ่าน ระบบออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรม นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบเดิมเคยดำเนินการมา อีกทั้งยังได้เชิญแขกผู้มีเกียรระดับ VVIP ของบาห์เรน อาทิ นักการทูต นักธุรกิจชั้นนำ ผู้มีชื่อเสียงและสื่อมวลชนในประทศบาห์เรน เข้าร่วมงาน Excusive Business Dinner ในวันดังกล่าวเพื่อรับฟังการนำเสนอสินค้าและบริการ Health and Wellness คุณภาพของผู้ประกอบการไทย พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้แขกผู้มีเกียรติภายในงานได้มีโอกาสจอง-ซื้อสินค้าและบริการที่จัดทำเป็นพิเศษภายในงานดังกล่าวด้วย (B2C) อีกด้วย
ทั้งนี้ ททท. วางกลุ่มเป้าหมายไว้ 2 กลุ่ม คือ นักท่องเที่ยวกลุ่ม Medical ที่เดินทางเพื่อมารักษาอาการเจ็บป่วยและกลุ่ม Health and Wellness ซึ่งสนใจในการดูแลสุขภาพและความงาม ซึ่งประเทศไทยมีสถานประกอบการคลีนิคดูแลสุขภาพและความงาม,สปา,สปารีสอร์ท,สถานเสริมความงาม และอื่นๆ ที่มีคุณภาพตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 มีนักท่องเที่ยวตลาดบาห์เรนเดินทางมาประเทศไทยจำนวน 32,000 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ประมาณ 2,500 ล้านบาทโดย 10% ของการใช้จ่ายอยู่ในหมวด Health and Wellness หรือประมาณ 250 ล้านบาท