กรุงเทพฯ 24 มกราคม 2565 – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม (DIProm) โชว์ผลสำเร็จการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดออนไลน์ 2.0 ผ่านกิจกรรมเพิ่มศักยภาพ e-Commerce ให้ดีพร้อม ภายใต้ โครงการ D-พร้อมสู้ อยู่ได้ ไปรอด กับการตลาดออนไลน์ 2.0 ในยุคโควิด โดยเน้นยกระดับศักยภาพ ด้านการทำตลาดออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมแฟชั่น และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้ารับการอบรม กว่า 6,000 คน และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 23 หรือคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 90 ล้านบาท
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม ได้ขานรับนโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงช่องทางการทำตลาดออนไลน์ผ่านมาตรการโควิด 2.0 “พร้อมสู้ อยู่ได้ ไปรอด” โดยมุ่งเน้นส่งเสริมและยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถอยู่รอดได้ด้วยการทำการตลาดออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นทางเลือกที่สามารถทำได้ทันทีในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ Social Commerce หรือสังคมพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นการค้าออนไลน์ที่สำคัญ ในยุคโควิด-19 เพราะเป็นการค้าขายสินค้าหรือบริการผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยตรง และ ยังเป็นแหล่งที่มีผู้ซื้อมากที่สุดในปัจจุบัน รวมทั้งเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง ตลอดจนเป็นเครื่องมือและช่องทาง ในการเพิ่มและขยายยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้ง ยังมีแนวโน้ม การเติบโตเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ดีพร้อม จึงได้ดำเนินการโครงการ D-พร้อมสู้ อยู่ได้ไปรอด กับการตลาดออนไลน์ 2.0 ในยุคโควิด หรือ DIProm Social Commerce
สำหรับ DIProm Social Commerce เป็นการมุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพด้านการทำตลาดออนไลน์ ให้กับผู้ประกอบการ 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมแฟชั่น และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ โดยการพัฒนาทักษะด้านการขายสินค้าออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่กำลังมองหาช่องทางทางด้านการตลาดในรูปแบบของตลาดดิจิทัลที่มีการลงทุนต่ำและมีความเหมาะสม กับสถานการณ์ในปัจจุบัน ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่
1. Online Training เป็นการจัดฝึกอบรมออนไลน์ ด้านการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง Social Commerce อาทิ Facebook Instagram TikTok ซึ่งเป็นการสร้าง ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการให้สามารถลงมือทำได้จริง อาทิ การสร้างหน้าร้านบนโลกออนไลน์ การทำการตลาดบน Social Media การสร้างและรักษาฐานลูกค้า การสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ ให้กับลูกค้า การบริหารจัดการหีบห่อและจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้า และการบริการซื้อขายออนไลน์ โดยมีผู้สนใจ เข้าร่วมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 6,000 คน
2. Online Coaching เป็นการให้คำปรึกษาแนะนำแบบกลุ่มทางออนไลน์ ด้านการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง Social Commerce แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือก จำนวนกว่า 600 คน ซึ่งเป็นการให้คำปรึกษาและแนะนำในด้านต่าง ๆ อาทิ การวางกลยุทธ์ Digital Marketing อย่างครบวงจร การสร้าง Brand Building & Brand Design การสร้างเว็บไซต์ธุรกิจ การเขียน Content เพื่อการขาย การสร้างประสบการณ์/รักษาฐานลูกค้า (Social Interaction) ซึ่งผู้ประกอบการได้นำความรู้ไปสร้างผลงานของตนเองและนำไปเผยแพร่ผ่านทางช่องทาง social media ของร้านค้าผู้ประกอบการ พร้อมทั้งนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุง และพัฒนาต่อยอดผลงานต่อไป
3. Market Testing เป็นการทดสอบการทำการตลาดแก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือก จำนวนกว่า 300 คน โดยการให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้วิธีการดึงความสนใจของผลิตภัณฑ์ การกระตุ้นยอดขาย การประชาสัมพันธ์สินค้า และการทำการตลาดแบบ Live สด พร้อมเทคนิคต่าง ๆ จากบุคคลที่มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดีย (Influencer Marketing)
4. การจัดการถ่ายทอดสด (Live สด) เป็นจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกเป็น Success Case จำนวนกว่า 60 คน โดยการ Live สด ผ่าน Facebook Live ทางแฟนเพจ Digital Dip ของกองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม และผู้ประกอบการได้มีการขายสินค้าจริงและเรียนรู้วิธีการ บริหารจัดการหลังบ้านบนแพลตฟอร์มดังกล่าว ซึ่งนำมาสู่การคัดเลือกผู้ประกอบการที่เป็นสุดยอด Success case จำนวน 30 คน ที่เป็นต้นแบบแห่งการเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จในระยะสั้น ขณะเดียวกัน
การดำเนินงานโครงการดังกล่าว ยังแสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ Social Commerce เป็นเครื่องมือ และอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถ อยู่รอด พร้อม โต ได้จริง โดยเห็นได้ชัดจากผลลัพธ์กว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีมูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเข้าร่วมกิจกรรม และกว่าร้อยละ 80 ของผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีฐานลูกค้าที่เข้าถึงสินค้าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับ ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้ง ยังทำให้เกิดการค้าเชื่อมโยงระหว่างผู้ชื้อและผู้ขายกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค และสามารถ สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 23 หรือคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 90 ล้านบาท ส่งผลให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศดีขึ้น นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ดีพร้อม ได้จัดให้มีพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่สุดยอด Success Case ทั้ง 30 คน ผ่านระบบออนไลน์ ในรูปแบบ Facebook Live ผ่านช่องทางแฟนเพจ Digital Dip ของกองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และยังได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ “สุดยอด Success Case” ดีเด่น จำนวน 3 คน ซึ่งมีความโดดเด่นในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจและมียอดขาย เพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ 1. ASMA Halal Skincare Products ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น จากเดิมกว่าร้อยละ 29 และมีฐานลูกค้าที่เข้าถึงสินค้าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 2. ร้านมาดามอร ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไส้กรอกอีสานสุขภาพแบบพร้อมทาน มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และมีฐานลูกค้าที่เข้าถึงสินค้าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 และ 3. Paweena Cloth&Craft ผู้จำหน่ายผ้าไทยและผ้าพื้นเมือง มียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 20 และ มีฐานลูกค้าที่เข้าถึงสินค้าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ กองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2430 6871-72 หรือ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipindustry และ www.diprom.go.th