โอฬาร พิรินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วอล์ล สตรีท อิงลิช ประเทศไทย ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วอลล์สตรีท อิงลิช มีอยู่ทั้งหมด 13 สาขาในประเทศไทย มีจำนวนนักเรียนเกือบ 10,000 คน มีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ทั้งในและต่างประเทศ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มคนทำงาน ที่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานและเพิ่มโอกาสในความก้าวหน้า และกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้บริหารและผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษให้มากขึ้นเพื่อต่อยอดธุรกิจสู่ระดับสากล
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่กำลังมาแรง คือกลุ่มที่ต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะปัจจุบัน กว่า 50 ประเทศทั่วโลกใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ และประชากรกว่า 400 ล้านคนสามารถพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารหลัก ซึ่งในแต่ละปีความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี การสื่อสารต่างๆ ได้มีการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดนิ่ง แต่สิ่งที่แทบไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือ การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในทุกรูปแบบ เราเองเป็นแบรนด์สอนภาษาอังกฤษระดับพรีเมียม เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้วอล์ลสตรีทอิงลิช ประเทศไทย ไม่ใช่แค่สถาบันหรือโรงเรียนสอนภาษา แต่เราเป็น ‘English Learning and Lifestyle Center’ หรือ แหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีสไตล์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้เรียนได้ในทุกมิติ โดยมีครูเจ้าของภาษาคอยดูแลโปรแกรมสำหรับทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ ด้วยหลักสูตร MULTI METHOD ที่ได้รับการรับรองเทียบเท่ามาตรฐานระดับโลก CEFR เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของวอลล์สตรีท อิงลิช ที่มีระบบการเรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอนผ่านการรับรองผลจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ โดยผู้เรียนจะได้ฝึกการใช้ภาษาในสภาพแวดล้อมที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด มีการบูรณาการคลาสเรียนต่างๆ ให้ทันสมัย เช่น พาผู้เรียน เพื่อนๆ และครอบครัว เปลี่ยนบรรยากาศการเรียนในห้องเรียน ไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ ตามแนวความคิด “ทุกที่คือแหล่งเรียนรู้ สนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษได้แบบมีสไตล์” เรามีการพัฒนาโปรแกรม MyStudy ซึ่งเป็นโปรแกรมติดตามการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่อง ทุกที่ทุกเวลา สามารถจองคลาสเรียน เช็คตารางเรียน ดูประวัติการเรียนของตนเองผ่านระบบมือถือ เพื่อวางแผนการจัดการ ในการพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอังกฤษของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ง่าย สะดวก ตรงตามระดับชั้น ตอบสนองความต้องการให้กับนักเรียนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ คุณโอฬาร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มผ่อนคลายในช่วงปีที่ผ่านมา เราเล็งเห็นถึงความต้องการและความจำเป็นในการใช้ภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น ด้วยว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับความสามารถด้านการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ที่ 97 จาก 111 ประเทศ (ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ) และอยู่ในอันดับที่ 21 จาก 24 ประเทศในเอเชีย ติดต่อกันมาเป็นปีที่ 4 ซึ่งสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรมการบริการการท่องเที่ยว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วอลล์สตรีท อิงลิช จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคนไทยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและเกิดเป็นความยั่งยืนด้านภาษาได้ในอนาคต
ปีนี้วอลล์สตรีท อิงลิชประเทศไทย ก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 เราได้มีการเปิดสาขาใหม่ที่ เซ็นทรัลอุดรธานี , ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต และ สาขาซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทุกสาขาถูกออกแบบมาให้เป็น Co-learning space เพื่อการเรียนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และวางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 สาขาในต่างจังหวัดและประเทศใกล้เคียง เช่น ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเจรจา เพราะเราเชื่อว่าภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งทักษะปัจจัยในการขับเคลื่อนชีวิตให้ทุกคนสามารถไปได้ไกลกว่าที่คิด ด้วยนิยาม Go further (ไปได้ไกลกว่าที่คิด) ที่เรามุ่งหวังให้ผู้ที่มาเรียนที่วอลล์สตรีท อิงลิช ได้เข้าใจโลกในมุมมองที่กว้างขึ้น และมีความพร้อมเพื่อโอกาสที่ดีที่สุดให้กับตนเอง โดยปีนี้วอลล์สตรีท อิงลิชได้เตรียมยกระดับคลาสการเรียนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าเรียนพร้อมกับผู้เรียนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และยังได้คุณอัพ ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง ดารา-นายแบบและนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง มาเป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งคุณอัพเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่สมัยเรียนและมีการพัฒนาตัวเองในด้านอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับแบรนด์วอลล์สตรีทอิงลิช ได้อย่างเหมาะสม”