เบเยอร์ สร้างปรากฏการณ์ ‘เย็นเถิดชาวไทย’ ขยายฐานผู้บริโภคครอบคลุมกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้เป็นที่รู้จักและจดจำแบรนด์ พร้อมดึง “โอ๊ต – ปราโมทย์ ปาทาน” ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด ถ่ายทอดเพลงสนุก ด้วยดนตรี และเนื้อร้องที่โดนใจชาวโซเชียลฯ หวังเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มออนไลน์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ เย็นใจ เย็นกาย สบายกระเป๋า
ดร. วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวว่า “สีเบเยอร์คูลมีอัตราการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติเรื่องสีบ้านเย็นและช่วยลดการใช้พลังงาน โดยมีเทคโนโลยีไมโครสเฟียร์เซรามิก ที่ช่วยสะท้อนและสกัดกั้นความร้อน ลดการสะสมความร้อนที่ผนังบ้าน ช่วยให้บ้านเย็นและประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าไฟถึง 32% ต่อปี และได้รับรางวัลนวัตกรรมต่างๆอีกมากมาย ด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัด ส่งผลกระทบในหลายด้าน ทั้งกาย ใจ และกระเป๋าสตางค์ของผู้บริโภค ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจยิ่งกระตุ้นให้ผู้บริโภคมองหาตัวช่วยในการลดค่าใช้จ่าย”
ด้วยประสบการณ์การทำตลาดสีทาอาคารและเป็นผู้นำในนวัตกรรมสีบ้านเย็นมากว่าทศวรรษ ทำให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี ประกอบกับความตั้งใจ มุ่งมั่นสร้างสรรค์ พัฒนางานวิจัย นวัตกรรมสีทาบ้านและอาคาร ตามปณิธาน Eco-Wellness Innovation (สีนวัตกรรมที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม) ที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค ปีนี้จึงได้เปิดตัวแคมเปญ “เย็นเถิดชาวไทยใช้สีเบเยอร์คูล” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เย็นใจ เย็นกาย สบายกระเป๋า” ผ่านกลยุทธ์ Music Marketing โดยมี ขวัญใจชาวโซเชียล อย่าง โอ๊ต – ปราโมทย์ ปาทาน มาช่วยสร้างสีสันด้วยการขับกล่อมบทเพลงสนุกๆ ปลุกกระแส Music Marketing ให้กลับมาฮิตติดหูกันอีกครั้ง โดย โอ๊ต – ปราโมทย์ ถือว่าเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามในสื่อออนไลน์จำนวนมาก ฐานช่วงอายุกลุ่มผู้ติดตามกว้างและหลากหลาย เพื่อที่จะสร้างปรากฏการณ์ “เย็นเถิดชาวไทยใช้สีเบเยอร์คูล” ให้เป็นที่จดจำ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และมุ่งไปที่ตลาดออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นที่จดจำและนำไปใช้อย่างแพร่หลาย เป็นอีกช่องทางที่จะช่วยขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้นครอบคลุมตั้งแต่ Gen X, Gen Y และ Gen Z ต่อเนื่องไปจนถึงกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมมองหาสีทาบ้านเพื่อตกแต่งบ้านให้สวยงามขึ้น รีโนเวทบ้านเก่าให้น่าอยู่ และกลุ่มที่กำลังจะมีบ้านใหม่ เป็นต้น
ความสำเร็จของ สีเบเยอร์คูล เริ่มจากการบุกเบิกด้วยนวัตกรรม “สีบ้านเย็น” ประกอบกับความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมอบให้กับแบรนด์ จึงส่งผลให้สีเบเยอร์คูล ครองแชมป์ตลาดสีบ้านเย็นมาโดยตลอด
ในปีนี้ สีเบเยอร์คูล ได้วางกลยุทธ์การสื่อสารและการตลาดแบบครบวงจร ด้วยงบการตลาดกว่า 80 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ โดยมุ่งหวังให้วลี “เย็นเถิดชาวไทย” เป็นที่จดจำแพร่หลาย ตามคอนเซ็ปต์ “เย็นใจ เย็นกาย สบายกระเป๋า”
เย็นใจ -ไม่ต้องหงุดหงิด เพราะทาครั้งเดียวได้ทั้งความเย็นและความทนทาน
เย็นกาย – ด้วยไมโครสเฟียร์เซรามิก สะท้อนและสกัดกั้นความร้อน 97%* ลดอุณหภูมิภายในบ้านได้เหนือกว่าสีทั่วไป
สบายกระเป๋า – ลดอุณหภูมิภายในบ้าน 3-5 องศาเซลเซียส ลดการเปิดแอร์ ลดการใช้พลังงาน และลดค่าไฟได้สูงสุด 32% ต่อปี
เบเยอร์ คูล (BegerCool) สินค้าเรือธงของเบเยอร์ เป็นที่รู้จักภายใต้คุณสมบัติการสะท้อน และสกัดกั้นความร้อนไม่ให้เข้ามายังตัวอาคาร ช่วยลดความร้อนสะสม ช่วยประหยัดพลังงาน ลดภาระค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า บ้านไม่ร้อน โลกก็ไม่ร้อน ปกป้องทั้งคนทั้งสิ่งแวดล้อม สำหรับผลิตภัณฑ์ “สีเบเยอร์คูล” โดดเด่นด้วยนวัตกรรม “ไมโครสเฟียร์เซรามิก” เอกสิทธิ์เฉพาะของเบเยอร์ ที่มีคุณสมบัติ สะท้อน และสกัดกั้นความร้อนได้สูงสุดถึง 97% พิสูจน์แล้วจาก OTM Solutions Pte LTD ประเทศสิงคโปร์ ที่ทำให้อุณหภูมิในบ้านลดลง เหนือกว่าด้วยลักษณะพิเศษที่ กลม (ผิวสัมผัสที่ช่วยให้สีเรียบเนียนมากกว่าที่เคย) กลวง (ทำหน้าที่กันความร้อนก่อนถึงตัวบ้าน) เกลี้ยง(คุณสมบัติที่ช่วยสะท้อนความร้อนได้ดีที่สุด) การทาสีจึงเหมือนได้เกราะป้องกันบ้านชั้นดีจากความร้อน และรังสี UV แถมยังช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น ทำให้ค่าไฟลดลง สูงสุดถึง 32% ต่อปี การันตีโดยฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จากกระทรวงพลังงาน และรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ
“เบเยอร์ยังคงทุ่มเทอย่างต่อเนื่องที่จะวิจัยพัฒนาสินค้าให้มีคุณสมบัติพิเศษตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ตอบโจทย์วิถีชีวิตทีเปลี่ยนไปในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาระดับประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีต่อผลิตภัณฑ์ โดยหวังว่า เบเยอร์ จะเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์สีนวัตกรรมคุณภาพ พร้อมกับมีส่วนร่วมในการผ่านทุกวิกฤติไปกับคนไทยทุกคน” ดร. วรวัฒน์ กล่าวปิดท้าย