BNI เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมบีเอ็นไอทั่วโลก BNI Global Convention 2018 โดยมีสมาชิกจาก 75 ประเทศ กว่า 2,500 คน เข้าร่วมงาน พร้อมจับคู่ธุรกิจข้ามประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยสามารถเติบโต รับมือการแข่งขันในยุคดิสรัปชั่น คาดว่าจะมีการเจรจาทางธุรกิจภายในงานรวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท งานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 7-10 พฤศจิกายน ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอด เซ็นทรัล เวิล์ด กรุงเทพฯ
นายกลกิตติ์ เถลิงนวชาติ ประธานอำนวยการ บี เอ็น ไอ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า กว่า 30 ปีที่ผ่านมา การประชุม BNI Global Convention จะจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกามาโดยตลอด แต่ในปีนี้ ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน BNI Global Convention 2018 เป็นประเทศแรก เพราะได้รับการยอมรับด้านศักยภาพของประเทศและนักธุรกิจไทย โดยจะมีเอสเอ็มอี ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นสมาชิกของ BNI มาร่วมถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ให้กับเพื่อนสมาชิกด้วยกัน
“เป้าหมายของงานนี้ คือต้องการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากทั้งในและต่างประเทศทั่วทุกทวีป ได้มีโอกาสแนะนำและจับคู่ธุรกิจกับสมาชิกของบีเอ็นไอ ที่เข้าร่วมงานจากทั่วโลก เป็นการส่งเสริมการค้าของเอสเอ็มอีให้มีมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้นักธุรกิจภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของบีเอ็นไอ สามารถเข้าร่วมงานเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในวันแรกของการประชุม โดยในวันที่ 7 พฤศจิกายน จะมีการให้ความรู้จาก ดร. ไอวาน ไมสเนอร์ กูรูระดับโลกผู้คิดค้นระบบการตลาดแบบบอกต่อ เพื่อจุดประกายความคิดในการดำเนินธุรกิจในหัวข้อ “สร้างคอนเน็คชั่น กับคนที่สำเร็จกว่า” ส่วนภาคบ่ายเป็นการจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อการขยายโอกาสไปยังต่างประเทศ และให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในการบุกตลาดต่างประเทศ” นายกลกิตติ์กล่าวถึงเนื้อหาของงาน
สำหรับการประชุม ในวันที่ 8 พฤศจิกายน เป็นการประชุมของสมาชิกบีเอ็นไอ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจสู่ยอดขายทวีคูณ โดยกูรูทางด้านการสร้างภาวะผู้นำ และวัฒนธรรมองค์กรชั้นนำของโลก สตีฟ ฟาร์เบอร์ เพื่อการเตรียมพร้อมผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ส่วนภาคบ่ายเป็นการให้ความรู้สำหรับการสร้างธุรกิจเอสเอ็มอีให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยวิทยากรเอสเอ็มอีจากอังกฤษ อเมริกา เบลเยี่ยม และบลาซิล ทั้งนี้ มีนักธุรกิจนานาชาติ ได้ลงทะเบียนตอบรับเข้าร่วมงานแล้วกว่า 2,300 คน แบ่งเป็นภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1,644 คน, ยุโรป443 คน, อเมริกาเหนือ 107 คน, อเมริกาใต้ 122 คน ในงานยังจัดให้มีการออกบูธโชว์สินค้ากว่า 100 บูธ จากนานาประเทศ
ด้าน นายแม็ค ศรีนีวาสัน Global Markets President, BNI International กล่าวว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจ เกิดปรากฎการณ์ดิสรัปชั่นมากมาย ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าการทำธุรกิจในอนาคต เช่น ดิสรัปชั่นจากเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเชน หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวมากขึ้นเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ดังนั้นการมีเครือข่ายที่เหนียวแน่นเพื่อแนะนำในการปรับตัวและช่วยเหลือกันในการทำธุรกิจ และแนะนำลูกค้าที่ดีให้แแก่กันจึงเป็นทางรอดที่สำคัญของเอสเอ็มอีไทย และเอสเอ็มอีทั่วโลก
“ BNI ใช้ระบบการแนะนำโอกาสธุรกิจซึ่งกันและกัน (Referral Marketing) เป็นระบบที่พิสูจน์แล้วจาก 75 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไร สมาชิกของบีเอ็นไอแต่ละประเทศทั่วโลกสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ทุกปี เป็นการตอกย้ำว่าระบบการใช้คอนเนคชั่นเพื่อแนะนำลูกค้าชั้นดีให้แก่กัน เป็นระบบที่ทรงประสิทธิภาพ ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงควรจะต้องมีเครือข่ายที่แนะนำลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น เป้าหมายหลักสำคัญของบีเอ็นไอ คือการเปลี่ยนวิถีการทำธุรกิจจากการแข่งขัน มาเป็นการช่วยเหลือกัน มอบโอกาสธุรกิจให้แก่สมาชิกในกลุ่มผ่านการสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น จนเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจ นำไปสู่การแนะนำลูกค้าที่ดีที่สุดให้แก่เพื่อนสมาชิก ตามปรัชญา “ผู้ให้คือผู้ได้รับ” หรือ “Givers Gain”
นายแม็ค เผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า บีเอ็นไอ เป็นที่ปรึกษามืออาชีพแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยให้สมาชิกที่ทำธุรกิจต่างกันมารวมตัวกันเพื่อช่วยสร้างธุรกิจซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม ผ่านรูปแบบการตลาดแบบบอกต่อ หรือ ระบบการแนะนำโอกาสธุรกิจซึ่งกันและกัน (Referral Marketing) คอนเน็กชั่นที่สำคัญและเป็นทางลัดไปสู่ความสำเร็จ
“ประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบบีเอ็นไอ คือโอกาสที่จะมาถึงก่อน การแลกเปลี่ยนความรู้ ไอเดีย และองค์ความรู้ต่าง ๆ ซึ่งสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของเอสเอ็มอี คือการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ เพราะธุรกิจเอสเอ็มอีส่วนใหญ่มักจะปิดตัวภายใน 3-5 ปี และมีเพียง 25% เท่านั้นที่อยู่รอด ดังนั้นงานนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการที่ผู้ประกอบไทยจะเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการจาก 75 ประเทศทั่วโลก ได้พบปะแลกเปลี่ยนธุรกิจกับผู้ประกอบการสมาชิกจากประเทศอื่น ๆ เชื่อว่าจะเป็นการสร้างเครือข่าย และโอกาสสำหรับเอสเอ็มอีไทยที่ต้องการต่อยอดและขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ” Global Markets President กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ บีเอ็นไอ (ประเทศไทย) ปัจจุบันมีสมาชิก 1,589 คนหรือคิดเป็น 0.05% ของจำนวนเอสเอ็มอี ทั้งหมด 3 ล้านราย สามารถมอบโอกาสธุรกิจให้แก่กันถึง 550,000 โอกาส มีมูลค่าธุรกิจที่มอบแก่กันสะสมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ 2018 คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 รายและมอบโอกาสทางธุรกิจมูลค่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน BNI Global Convention 2018 สามารถลงทะเบียนได้ที่ http://bit.ly/bni-global หรือ ติดต่อที่ส่วนงานประชาสัมพันธ์ โทร. 081-455-6156 หรือ 089-779-2578 หมดเขตลงทะเบียนวันที่ 30 กันยายนนี้
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ คุณมาณวิกา โทร. 081-553-7553