แรงทะลุปรอทกับปรากฏการณ์ความฟินเต็มคาราเบล ที่ทาง “GMMTV” คอนเทนต์โพรไวเดอร์ชั้นนำของเมืองไทย เติมเต็มโมเมนต์ให้แฟนๆ แบบขั้นสุด ในงาน “Side by Side Bright Win Concert” คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทยของ 2 นักแสดงสุดฮอต “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” และ “วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร”
พร้อมด้วยแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์อย่างนางเอกสาว “เก้า-สุภัสสรา” และ 2 นักร้องคุณภาพ “อิ้งค์-วรันธร”, “กอล์ฟ F.Hero” ที่ขึ้นเวทีมาสร้างบรรยากาศความสนุกมันส์ได้เต็มพิกัด จนทำเอาอะดรีนาลีนความสุขของแฟนๆ พุ่งทะยาน
แถมยังตื่นตาตื่นใจไปกับเวทีแสงสีเสียงสุดอลังการ และการเพอร์ฟอร์แมนซ์โชว์แบบมาสเตอร์พีชให้คนดูได้ชมกันในรูปแบบ On Stage พร้อมกับการ Live Streaming ผ่าน “TTM Live” (Thaiticketmajor Live) ที่สามารถรองรับผู้ชมได้ครอบคลุมทั่วโลก นานเกือบ 4 ชั่วโมง ซึ่งงานนี้กระแสตอบรับยังปังมากเวอร์ ส่งให้ #BrightWinConcert ทะยานขึ้น เทรนด์ทวิตเตอร์ “อันดับ 1” ของประเทศไทย,อินโดนีเซีย รวมทั้ง
“อันดับ 2” ของโลก,มาเลเซีย และติดเทรนด์ ทวิตเตอร์อีกหลายประเทศทั่วโลก เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งคอนเฟิร์มได้ว่างานนี้ฟูลฟีลไปด้วยโมเมนต์ความสุขที่อัดแน่นหัวใจเลยทีเดี
ยว
เริ่มออกสตาร์ทความสนุกกันด้วย 3 เพลงฮิตมาแรง “Blinding lights, วายร้าย, Uptown Funk” ที่ “ไบร์ท-วิน”
จับไมค์ร้องเปิดตัวพร้อมกับการขึ้นสลิงลอยอยู่กลางอากาศ เรียกว่าทั้งออร่าความหล่อและเสียงร้องขโมยหัวใจคนดูได้เต็มๆ ถึงขั้นที่แฟนๆ ส่งเสียงกรี๊ดดังสนั่นฮอลล์ ก่อนที่ทั้งคู่จะทักทายทุกคนพร้อมต้อนรับเข้าสู่คอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย จากนั้นส่งเข้าสู่ช่วงโชว์สกิลด้านดนตรีที่งานนี้ “วิน” หยิบเอากีต้าร์ตัวโปรดออกมาโซโล่ในเพลงซึ้งกินใจ “Unlovable” ส่วน “ไบร์ท” ก็ไม่ธรรมดาบรรเลงเล่นเปียโนกับเสียงร้องเพราะๆ ในเพลง “Lost and Found” สามารถตกอารมณ์แฟนๆ ให้วนอยู่ในภวังค์ขั้นสุด ก่อนจะเปลี่ยนฟีลมาเอ็นจอยไปกับ “ไบร์ท-วิน” กันในเพลง “This Love” จากนั้นทั้งคู่ก็ขอพาแฟนๆ ย้อนความทรงจำที่แสนพิเศษไปกับพาเหรดเพลงฮิตจากซีรีส์ “เพราะเราคู่กัน 2gether The Series” และ “เพราะเรา(ยัง)คู่กัน Still 2gether” ได้แก่ “ยังคู่กัน, คนนั้นต้องเป็นเธอ, คั่นกู” ทำเอาแฟนๆ อินเบอร์แรง ส่งเสียงร้องตามกันดังลั่นฮอลล์ แถมยังมีอีกหนึ่งความพิเศษในเพลง “ใกล้” เรียกว่าเติมเต็มโมเมนต์ให้ทุกคนได้ฟูลฟีลขีดสุด ก่อนจะเข้าสู่ในพาร์ทโชว์เดี่ยวของแต่ละคน เริ่มจาก “วิน” ที่คว้าไมค์มาชวนทุกคนไปโยกจังหวะเบาๆ กันในเพลง “I Like Me Better” “Beauty and a beat” ต่อด้วยเซอร์ไพรส์สุดพิเศษที่ “วิน” ขอควงคู่สาวสวย “เก้า” ออกมาร้องเพลงเพราะซึ้ง “Undo” และ “Versace on the floor” บอกได้เลยว่าเสน่ห์ความฟินฟุ้งกระจายเต็มพื้นที่ จากนั้นเข้าสู่ในช่วงโชว์เดี่ยวของ “ไบร์ท” ที่ขอหยิบเพลง “The Hills”
มาร้องในสไตล์สุดคลูตามแบบฉบับของตัวเอง ก่อนที่ทุกคนจะได้ปลดล็อกสกิลหูทองคำไปกับแขกรับเชิญสุดเอ็กซ์คลูชีฟ “อิ้งค์” ที่ “ไบร์ท” ขอควงคู่คว้าไมค์มาร้องเพลงดังอย่าง “Can’t take my eyes of you” และ “Luxury” จากนั้น “ไบร์ท” ก็ขอเปลี่ยนโหมตพาแฟนๆ มาอินในความเศร้ากันต่อกับเพลงฮิต “Night time, Move ไปไหน, ระหว่างทาง” ก่อนที่ “วิน” จะขึ้นเวทีมาเสริมทัพพร้อมคอนทินิวอารมณ์ต่อด้วยเพลย์ลิสเพลงช้ำรัก
“รักไม่ได้, ถ้าเราได้เจอกันอีก, คนไกล” จากนั้นขอเปลี่ยนฟีลเข้าสู่พาร์ทความสนุก เมื่อ “ไบร์ท” ชวน HIPHOP
ตัวพ่อ “กอล์ฟ F.Hero” ขึ้นมาเขยาเวทีกันในเพลง “Sad Movie, Money Honey” ต่อกันด้วยพาร์ทที่ “ไบร์ท-วิน” ขอสื่อความหมายแทนคำขอบคุณในเพลง “ความคิด” พร้อมการเผยความรู้สึกกับความสุขที่ล้นปรี่ “ขอบคุณทุกคนมากครับ ที่คอยอยู่เคียงข้างพวกเราเสมอ ซึ่งถือว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีความสุขในชีวิต อยากให้ทุกคนเก็บโมเมนต์ความสุขในวันนี้ไว้ในความทรงจำ และพวกเราจะตั้งใจทำผลงานดีๆ เพื่อเป็นการของคุณทุกคนครับ”
แถมยังมีอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์สุดพิเศษจาก “วิน” ที่แอบยกเค้กก้อนโตมาเบิร์ดเดย์ล่วงหน้าให้ “ไบร์ท” กันบนเวทีเลยทีเดียวจากนั้นทุกคนก็อิ่มเอมหัวใจไปกับเพลงเพราะความหมาย ดี “ไม่เคยจะห่างกัน” ก่อนสวิตอารมณ์เข้าสู่การระเบิดความมันส์ในช่วงปาร์ตี้เพลง HIPHOP ไปกับ “ไบร์ท-วิน” เล่นเอาแฟนๆ นั่งไม่ติดเก้าอี้ลุกขึ้นเต้นตามกันเป็นแถว
ก่อนที่ทั้งคู่จะปิดท้ายคอนเสิร์ตไปด้วยเพลง “คั่นกู” พร้อมกับภาพประทับใจที่ทั้งคู่เดินไปรอบเวทีพร้อมโบกมือลาแฟนๆ เรียกว่าโชว์ในครั้งนี้ถือเป็นภาพความประทับใจที่แสนพิเศษ ซึ่งจะยังคงงดงามอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป
สำหรับการรับชม Live Streaming สามารถรับชมการแสดงย้อนหลัง
“Side by Side Bright Win Concert” ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566
เวลา 10.00 น. (GMT+7) ถึงวันที่ 19 มกราคม 2566 เวลา 23.59 น.
(GMT+7) และสามารถรับชมการแสดงย้อนหลังได้ 300 นาที ต่อ 1
รหัสการรับชม และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.thaiticketmajor.com หรือ www.facebook.com/gmmtvofficial
& IG & YouTube & Twitter & Weibo : GMMTV