จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจีโนมิกส์ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ที่ถูกลงอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้จีโนมิกส์ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและให้การรักษาที่ตรงจุด ช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความรู้ทางด้านจีโนมิกส์เข้ามาช่วยในการวินิจฉัยและรักษาโรควินิจฉัยยากที่เดิมไม่สามารถหาสาเหตุได้ สร้างองค์ความรู้ที่สำคัญทั้งในด้านกลไกการเกิดโรค การวิจัยและพัฒนายาแบบมุ่งเป้า การค้นหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการคัดเลือกยา การออกแบบการรักษา หรือการเฝ้าระวังความรุนแรงของโรค
ทั้งนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในฐานะผู้นำด้านการบริบาลสุขภาพระดับโลกและผู้นำด้านการแพทย์จีโนมิกส์ในประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ในเรื่องการแพทย์จีโนมิกส์ จึงได้ร่วมมือกับบริษัท บีจีไอ เซินเจิ้น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านจีโนมิกส์ของประเทศจีนที่มีสำนักงานใหญ่ในเขตหยานเทียน เมืองเซินเจิ้น และบริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ BGI Group
ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มุ่งมั่นในการพัฒนาการดูแลรักษาภายใต้มาตรฐานสูงสุดมาโดยตลอด โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีงานวิจัยรองรับเข้ามาปรับใช้ให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาให้ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ป่วย ความร่วมมือกับ BGI Group ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยและการประยุกต์ใช้จีโนมิกส์ ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบำรุงราษฎร์ในการแสวงหาเทคโนโลยีที่เอื้อประโยชน์ในการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง”
ผศ.นพ. พลกฤต ทีฆคีรีกุล Chief Scientific Officer (Multi-Omics) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นผู้บุกเบิกด้านจีโนมิกส์ของประเทศไทย โดยได้เปิดตัวสถาบันบำรุงราษฎร์จีโนมิกส์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และริเริ่มการใช้เทคโนโลยี Next-Generation Sequencing (NGS) เพื่อวิเคราะห์การถอดรหัสของยีนจำนวนมากในเวลาเดียวกัน กระบวนการนี้รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้แพทย์ได้รับผลการตรวจโดยเร็ว ช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงของโรค ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้แต่เนิ่นๆ โดยความร่วมมือกับ BGI Group ในครั้งนี้ จะช่วยต่อยอดองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์จีโนม และยกระดับขีดความสามารถของเราไปอีกขั้น ซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ”
ดร. หวัง เจียน ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท BGI Group กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการศึกษาและงานวิจัยให้แก่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และมั่นใจว่าความร่วมมือนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางวิชาการ งานวิจัยทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น ทาง BGI ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโครงการอื่น ๆ ร่วมกันอีกในอนาคต”
งาน MOU ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะนำการแพทย์จีโนมิกส์มาเชื่อมโยงกับการดูแลรักษาผู้ป่วยเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างยั่งยืน และสร้างเครือข่ายการวิจัยด้านการแพทย์จีโนมิกส์ที่เข้มแข็งในระดับสากลต่อไป