เมื่อคู่รักนักอนุรักษ์ มารีญา พูลเลิศลาภ กับ สิงห์ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตในเรื่องราวของชีวิตเปิดทุกมุมและช่วงเวลาดีๆที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน พร้อมกันงานนี้ มารีญา ยังได้เปิดใจเรื่องที่เคยไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย
ถาม คือตอนที่รู้ยังรู้สึกแปลกใจเลยว่า มารีญา เนี่ยเหรอเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะรู้สึกว่าตัวเองไม่สวยจริงเหรอ
มารีญา : จริงค่ะ ช่วงเวลาที่กำลังจะเป็นสาวเราก็เหมือนเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้างเราและเรามีความสูงยาว ผอมกว่าเพื่อน เพื่อนๆเริ่มมีเอว มีอกแต่ว่าของเรายังไม่มารู้สึกไม่มั่นใจกับเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่เราชอบ หรือว่าเรื่องโรแมนติกค่ะ เหมือนสิ่งที่เราเห็นในนิตยสารด้วยหรือในภาพยนตร์ด้วย ไปเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ เริ่มค้นหาตัวเองมากขึ้นเริ่มมั่นใจมากขึ้นค่ะ แต่ว่าพอมาประกวดมันเป็นช่วงเวลาที่เราเป็นช่วงเวลาที่แปลกมากคนให้นิยามว่าผู้หญิงสวยที่สุดในประเทศไทย และรู้สึกว่าเราต้องเปรียบเทียบตัวเองกับตัวเองในภาพของคนอื่น และรู้สึกเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆเลยค่ะ รู้สึกว่าเราไม่สามาถเติมเต็มคำนิยามนั้นได้ค่ะ จริงๆแค่ 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากอายุ 28 ปี 29 -30 ปี ที่รู้สึกเริ่มมั่นใจในตัวเองว่านี่เป็นตัวเราไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นแล้ว และตอนที่เราหยุดเปรียบเทียบนั่นเป็นโมเมนต์ที่รู้สึกเหมือนเราปลอดปล่อยอะไรสักอย่าง ซึ่งแต่ก่อนไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ถาม มันอาจจะด้วยคำว่าตำแหน่งมันเลยมีความกดดันและคาดหวัง
มารีญา : มากๆเลยค่ะ
ถาม ย้อนถามไปกับโมเมนต์ตรงนั้นเป็นโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตมันมีผลกับเรื่องของความมั่นใจเราซ้ำเติมลงไป หรือ ว่ามันเป็นอย่างไร
มารีญา : เป็นช่วงเวลาที่ มารีญา ต้องฝืนตัวเองด้วยเหมือนในหัวเราคือ Fake it until you make it ทำเหมือนตัวเองมั่นใจออกไปสง่ายืนตรงแล้วพอเราทำแบบนั้นจริงๆอะค่ะ มันก็เหมือนหลอกตัวเองนิดหนึ่งให้มันรู้สึกมั่นใจขึ้นจริงๆค่ะ เหมือนเป็นช่วงที่เรายังเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองอยู่ค่ะ ถ้าดูพวกสัมภาษณ์ของ มารีญา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ มารีญา บอกตัวเองว่าเป็นช่วงที่เราหลงทางมากๆเลยในชีวิต หลงทางเพื่อที่จะหาตัวเองได้แล้วหนึ่งเส้นทางที่ได้หาตัวเองก็คือการที่เข้ามาประกวดค่ะ
ถาม เพราะฉะนั้นมันไม่ได้เป็นสิ่งผิดหรือเรารู้สึกแย่เวลาเราหลงทางเสมอไป แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตเหมือนกับความไม่รู้ เราต้องไม่รู้ก่อนรู้ สิงห์ รู้ไหมว่า มารีญา เป็นแบบนี้
วรรณสิงห์ : รู้ครับ ช่วง 2 ปี มานี้ก็เห็นเขาเติบโตมาตลอดแล้วในตอนแรกๆเราก็ภูมิใจที่ได้รับบทคล้ายๆเหมือนพี่ชายด้วยซ้ำในสิ่งที่เขากำลังเติบโตอยู่ เพราะเรารู้สึกเราผ่านอะไรคล้ายๆกันมา ทุกวันนี้ก็เห็นว่าเขาค้นพบตัวเองมากขึ้นเยอะแล้ว เจอสมดุลมากขึ้นเยอะแล้วแต่ว่าในอนาคตมันก็มีความเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะเติบโตไปแบบไหน เราก็อยากซัพพอร์ตเขา
ถาม มารีญา บอกว่า สิงห์ ก็มีส่วนช่วยทำให้มั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วยวิธีการแสดงความชื่นชม
มารีญา : เขาก็เป็นคนซัพพอร์ตคนหนึ่งของเราแล้วการที่เขาให้การซัพพอร์ตเรื่อยๆมันก็มีส่วนที่ทำให้เรามั่นใจแน่นอน
ถาม แล้วในอนาคตทั้งคู่วางแผนไว้อย่างไรบ้าง
มารีญา : คิดว่าในที่สุดเป้าหมายเราคล้ายๆกันค่ะ แต่ว่าเราอาจจะอยู่ในชีวิตที่ไม่ตรงกัน
วรรณสิงห์ : ผมว่าผมพร้อมจะมีแล้ว แต่ว่ามันไม่ต้องเป็นวันนี้ก็ได้ ถามว่าความรู้สึกอยากส่งเด็กคนหนึ่งเข้านอนอยากสอนทุกอย่างที่เราเข้าใจชีวิตให้กับเด็กคนนั้นมันมีอยู่แล้วแต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้ก็ได้ เราคุยกันเรารู้สึกว่าวันหนึ่งเขาก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกัน เพียงแค่เขามีบางอย่างที่เขายังอยากทำเพิ่มเติมอยู่เขาอยากสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงที่เป็นเรื่องดีให้กับโลก ซึ่งผมเข้าใจความรู้สึกนี้ นี่ก็คือแรงขับเคลื่อนหลักของผมเหมือนกันในชีวิต สิ่งเดียวที่อยากมีตอนนี้ก็แค่ความรู้สึกอบอุ่นและก็มีความสุขในทุกๆวันครับ มันก็โอเคแล้ว
ถาม เป็นคู่รักที่สวีตไหมเอ่ย
มารีญา : เป็นบางช่วงเวลาค่ะ
วรรณสิงห์ : จะสวีตตอนที่เราอยู่ด้วยกันเราก็จะถามว่าทำไมสวยจัง เขาจะตอบว่า
มารีญา : แฟนดูแลดี แฟนน่ารัก (ยิ้ม)
วรรณสิงห์ : อะไรอย่างนี้ก็นั่งเขินกันอยู่สองคน
ถาม แต่ก็ยังเป็นคู่แฟนรักโลกอยู่นะเวลาจะให้ของขวัญอะไรกันมีผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่
วรรณสิงห์ : ใส่มาด้วย เป็นเต่าทำมาจากพลาสติกรีไซเคิลครับ ซึ่งนี่ก็เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆในชีวิตมากกว่า แต่ไม่ใช่แกนหลักในการทำงานเรื่องสิ่งแวดล้อมของพวกเรา
ถาม ในความสัมพันธ์ที่ผ่านมาถึงวันนี้คิดว่าเราได้เรียนรู้อะไรซึ่งกันและกันบ้าง
มารีญา : บางทีเราก็คิดว่าเราเป็นคนที่แคร์แต่ว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้แคร์ถึงความรู้สึกเขาจริงๆที่เราเรียนจาก พี่สิงห์ ที่ช่วยในชีวิตประจำวันเลยก็คือเราต้องมีความคิดที่พร้อมแก้ปัญหา แทนที่จะพูดแต่เรื่องปัญหาหรือว่าแค่รู้สึกไม่ดีอะค่ะ มันเข้ากับนิสัยของเรามากๆค่ะ มันเหมือน พี่สิงห์ ทำให้มันชัดเจนขึ้นและก็เหมือนเปลี่ยนแนวทางที่เราร่วมงานกัน ร่วมงานกันในการสร้างการแฟน แต่ว่าของ พี่สิงห์ ไม่เหมือนกันคือ พี่สิงห์ ต้องการแบบ ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะโอเคนะ ก็แล้วแต่คนเหมือนกันค่ะว่าใครต้องการอะไร
วรรณสิงห์ : บางครั้งสิ่งที่ต้องการจากเขาไม่ใช่การแก้ปัญหาอะไรเลย แค่ดูแลความรู้สึกเราก่อนแล้วหลังจากนั้นพอเราใจเย็นปุ๊บเดี๋ยวเราจะค่อยๆหาทางแก้ปัญหา นี่ก็เป็นด้านที่กำลังเรียนรุ้กับตัวเองเหมือนกันเพราะว่าไม่เคยมีมาก่อนครับ
ถาม ซึ่งก็ดีนะคนหนึ่งใช้หัว คนหนึ่งใช้ใจ คือ ฉันรู้เดี๋ยวฉันจะแก้ปัญหามันได้แต่ตอนนี้ขอคนปลอมนิดหนึ่ง หรือขออ้อนนิดหนึ่ง ซึ่งจริงๆคนรักกันเรียนรู้กันทั้งชีวิตแหละไม่ว่าจะคบกันกี่ปีมันมีสิ่งใหม่ให้เรียนรู้เสมอ
วรรณสิงห์ : และเราเองก็เปลี่ยนแปลงตลอดอยู่แล้วไม่มีทางที่เราจะเป็นคนคนเดิม
ถาม จริงขนาด 4 ปีที่แล้ว กับตอนนี้ก็ดูต่างกันมากจริงๆ
วรรณสิงห์ : ใช่ครับ ปีหน้าก็อาจจะคนละแบบก็ได้
ถาม ล่าสุดเพิ่งมีซิงเกิลออกมา
วรรณสิงห์ : ใช่ครับมันเริ่มมาจากโปรเจกต์ที่ผมอยากทำมานานแล้วเขาเรียกว่า Music Poetry คือบทกวีประกอบดนตรีเพราะว่าเราร้องเพลงไม่ได้แต่เราอยากทำเพลง และ ก็อยากทำแนวนี้แล้วไอเดียก็ได้มาจาก มารีญา ด้วยจากเพื่อนผมด้วย MV กลายเป็นอลังการงานสร้างมากเป็นเหมือนกับละครเพลงเรื่องหนึ่งเลยและ มารีญา ก็ไปเล่นด้วย ชื่อเพลงว่า Outside (ข้างนอก) ซึ่งเขาซัพพอร์ตเรามากๆสิ่งหนึ่งที่รู้สึกกันมาตลอดไม่ว่าจะมีความไม่เข้าใจเรื่องอื่นๆเนี่ย แต่ว่าเขาภูมิใจในตัวเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการมากๆมาตลอดทั้งชีวิตแล้วเขาภูมิใจในทุกด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องที่เราทำให้เขาหรือดูแลเขา แต่ด้านที่เราเป็นของตัวเราเองในแบบนี้เขาก็ยินดีซัพพอร์ตมันมากๆเหมือนกัน และเราก็เลยแฮปปี้กับงานที่ออกมา
มารีญา : มันดี
วรรณสิงห์ : สามารถเข้าไปใน YouTube แล้วค้นหาว่า ข้างนอก มันจะประสบความสำเร็จหรือไม่ในเชิงคนฟังก็เรื่องหนึ่งอย่างน้อยเราได้ PR ฟรีในคลับฟรายเดย์แล้ว (หัวเราะ) อีกด้านหนึ่งคือมันเป็นการแสดงออกด้านศิลปะ ซึ่งเราก็ต้องการ มารีญา ก็ต้องการ เพื่อนเราก็ต้องการ อันนี้อาจจะออกไปในชื่อเราคนเดียวแต่เราเปิดพื้นที่ให้ทุกคนรอบตัวเราเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างด้วย
ถาม หลังจากเป็นคนที่เริ่มต้นจากข้อความหนึ่งที่ส่งไปหาจนกระทั่งมาถึงวันนี้ มารีญา อยากจะบอกอะไร วรรณสิงห์ บ้าง
มารีญา : ไม่อยากจะพูดซึ้งๆในตอนนี้แต่คิดว่าแค่บอกว่า ขอบคุณที่เป็นพาร์เนอร์ที่ดีในชีวิตจริงๆ
วรรณสิงห์ : ด้วยความยินดีครับ ส่วนผมรู้สึกของคุณเหมือนกันครับ ขอบคุณทุกวันที่ได้เจอกัน และ ก็ขอบคุณที่ดูแลและให้เราดูแล และให้เราได้พบอีกด้านหนึ่งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเหมือนกันเราเองยังพูดว่าเอาให้ได้สัก 60 ปีสิ คือ อนาคตไม่มีใครรู้หรอกว่าการคู่กันจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเราจะอยู่ในชีวิตกันและกันไปตลอดจนแก่
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :