จังหวัดฟุคุชิมะ หนึ่งในความงดงามทางธรรมชาติของภูมิภาคโทโฮขุ ประเทศญี่ปุ่น เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจ มีเมืองเล็กๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่น่าไปสัมผัสมากมาย อาทิ Shirakawa, Koriyama, Tamura, Aizu ฯลฯ หากมีเวลาปลีกตัวจากความวุ่นวายในตัวเมือง อยากให้ลองมาท่องเที่ยวแบบสบายๆ ทางธรรมชาติดูบ้าง เริ่มจาก
1. ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)
ปราสาทนกกระเรียนมีทั้งหมด 5 ชั้น โดดเด่นด้วยผนังสีขาวตัวกับสีหลังคากระเบื้องสีแดง ซึ่งเป็นปราสาทสีแดงเพียงแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น ภายในอาคารเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาทสึรุกะและศิลปะ วัฒนธรรมสมัยก่อนของดินแดนไอซุวาคามัตสึ หากขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวปราสาทจะได้พบบรรยากาศสวยงามจากมุมสูง ธรรมชาติ ภูเขาที่รายล้อมได้อีกด้วย บรรยากาศรอบปราสาทสวยงามมาก ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ในปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นตะวันออก และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งใน 100 ปราสาทขึ้นชื่อของญี่ปุ่น
2. Yunokami onsen station
สถานียุโนะคามิออนเซ็น (Yunokami Onsen) เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ บรรยากาศน่ารัก เป็นเมืองออนเซนชั้นดีแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น อาคารตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยหุบเขา มีบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่เท้าที่ใช้บริการได้ฟรีด้วย เดินทางจากสถานี AIZU-WAKAMATSU สาย Aizu railway for AIZU TAJIMA มาลงที่ Yunokami Onsen Station ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
3. Ashinomaki-Onsen Station (สถานีแมว)
ทาสแมวไม่ควรพลาด สถานีที่มีแมวเป็นคนดูแล โดยก่อนนี้มีนายสถานีสุดคูลทั้ง 3 “บัส, เลิฟ, โคทาโร่” ที่คอยเฝ้าดูแล ปัจจุบัน “บัส” ได้จากไปแล้ว จึงเหลือ “เลฟ และโคทาโร่ คอยดูแลอย่างไม่บกพร่อง หากใครมาท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปกับนายสถานีสุดเท่ได้ แต่ห้ามใช้แฟลช นะคะ ในสถานีมีของฝาก ทั้งรูป ทั้งพวงกุญแจ หรือสินค้าอื่นๆ เกี่ยวกับน้องแมวเป็นที่ระลึกอีกด้วย
4. Sazaedo Temple
เป็นวัดรูปทรงหกเหลี่ยม สร้างจากไม้สูงสามชั้นดูสวยแปลกตา เอกลักษณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครคือภายในเป็นบันไดวนออกแบบให้ทางเข้า และทางออกเป็นคนละเส้นทางกัน ส่วนด้านในตกแต่งสวยงาม มีรูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หรือเจ้าแม่กวนอิม 33 องค์ให้ผู้คนได้มาสักการะ ถือเป็นวัดที่สวยและแปลกตาที่สุดเป็นหนึ่งเดียวในโลก วิหารแห่งนี้ยังได้รับการจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติอีกด้วย
5. โรงเรียนซามุไร Nisshinkan
เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งระดับแนวหน้าในญี่ปุ่น ในการสอนวิถีการเป็นซามุไร มุ่งเน้น การทำสมาธิแบบเซน,พิธีชงชาและยิงธนูญี่ปุ่น เข้มงดทั้งด้านวิชาการ ศิลปะการต่อสู้ และฝึกฝนความอดทนทั้งร่างกายและจิตใจ หากต้องการหากิจกรรมทำสามารถมาที่นี่ได้ มีให้ได้เรียนรู้มากมาย อาทิ ยิงธนู ฟันดาบ นั่งสมาธิ วาดภาพ เป็นต้น
6. Tadami River Bridge
เส้นทางรถไฟสายทาดามิ เป็นเส้นทางมีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามเป็นที่สุด ทัศนียภาพเต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีสีสันและมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะช่วงจังหวะที่รถไฟกำลังวิ่งข้ามสะพานนั้นถือเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด ต้องคอยเช็คเวลารถไฟวิ่งผ่านให้ดี มิฉะนั้นคุณอาจพลาดช่วงเวลาที่สวยงามได้ ซึ่งความสวยงามนี้สามารถเยี่ยมชมได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี หรือหิมะตก รับรองได้ว่ามาแล้วจะไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
7. GOLD HOUSE MEGURO
หากมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ไม่ควรพลาด GOLD HOUSE MEGURO เป็นบริการพาไปตกปลาน้ำแข็ง ที่ ทะเลสาบอินะวะชิโระ (Inawashiro Lake) นอกจากนี้ GOLD HOUSE MEGURO ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และเป็นสถานที่ติดต่อกิจกรรมต่างๆ ด้วย ซึ่งต้องนั่งเรือออกไปยังบ้านพักสำหรับตกปลากลางทะเลสาบ ภายในบ้านก็จะมีที่นั่งสำหรับตกปลาอยู่สองฝั่ง หันหน้าเข้าหากัน มีช่องตรงกลางเอาไว้สำหรับหย่อนเบ็ดตกปลา มีฮีทเตอร์ทำความร้อน สามารถนั่งตกได้อย่างสบายใจ ปลาที่ตกได้เรียกว่า ปลา Wakasagi เป็นปลาขนาดเล็ก นิยมนำมาทอดกรอบแบบเทมปุระ กินได้ทั้งตัว
8. Eiji Tsuburaya Museum
พิพิฑภัณฑ์สำหรับคุณ เอจิ สึบุรายะ (Eiji Tsuburaya) ผู้ให้กำเนิดยอดมนุษย์อุลตร้าแมน ฉายาเจ้าพ่อแห่งสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คของญี่ปุ่น (รวมถึง Godzilla) ) ภายในพิพิฑภัณฑ์จะมีประวัติและผลงานต่างๆ ของคุณ เอจิ สึบุรายะ (Eiji Tsuburaya) หุ่นจำลองก๊อตซิล่า และวีดีโอจำลองเรื่องราว สำหรับแฟนๆ ซุปเปอร์ฮีโร่รุ่นเก๋าจากญี่ปุ่นอย่างอุลตร้าแมน ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
9. Mushi Mushi Land
พิพิธภัณฑ์แมลงที่รวบรวมแมลงมากมาย หลากสายพันธุ์ แปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคยให้ได้สัมผัส อาทิ ด้วง แมงมุม แมลงทับ ฯลฯ
10. ถ้ำอาบูคุมาโดะ (Abukumado Cave)
ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำหินปูนเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่น มีความยาวราว 600 เมตร มีหินงอกหินย้อยมากจนเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในซีกโลกตะวันออกเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะสวยงามและใหญ่โตได้ขนาดนี้ใช้เวลามากถึง 80 ล้านปี ภายในถ้ำอาบุคุมะโดนั้นเดินง่าย สะดวก หินงอก หินย้อยรูปร่างสวยงาม มีจุดเด่นในถ้ำหลายจุด อาทิ การแสดงไฟภายในถ้ำ หินสะท้อนแสง อีกทั้งยังมีหินหน้าตาแปลกๆ อย่าง โยไกโนะโท (Yokai no To – Tower of Ghosts) มีหน้าตาประหลาดทำให้เกิดจินตนาการไปต่างๆ นานา และ ฮาคุจิโนะทาคิ (Hakuji no Taki – White Porcelain Falls) หินรูปร่างเหมือนกับน้ำตก จุดอลังการที่สุดของถ้ำ คือบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 29 เมตร เรียกว่า ทาคิเนะโกะเท็น (Takine Goten) ซึ่งจะได้เห็นหินงอก หินย้อยขนาดใหญ่ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นและหายากได้ที่นี่
11. Hoshinomura Observatory
โฮชิโนะมุระ เท็นมนได เป็นหอดูดาว ที่อยู่ใกล้บริเวณถ้ำอาบูคุมาโดะ (Abukumado Cave) เป็นหอดูดาวกลางแจ้งที่มีกล้องขนาดใหญ่ ไว้ดูดาว ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน และภายในมีจัดแสดงแร่หิน หินสีต่างๆ และฟอสซิล ต่างๆ ด้วย
นอกจากสถานที่เที่ยวแล้ว ยังมีอาหารประจำถิ่นที่น่าสนใจอีกด้วย อาทิ
1. Sky Place Tokiwa:Yasai Curry
ข้าวแกงกะหรี่ผักรวม อาหารอร่อยอีกจานที่มีชื่อเสียงของเมือง Tamura มาแล้วไม่ควรพลาด อุดมไปด้วยผักสดออแกนนิคหลายชนิดตามฤดูกาล สีสันน่ากิน รับรองไม่เคยทานที่ไหนแน่นอน
2. Sauce Katsu-don
อาหารอีกจานที่ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ซอสคัตสึด้ง คือข้าวราดหน้าด้วยหมูทงคัตสึธรรมดาๆ แล้วราดด้วย ซอสสูตรพิเศษของร้าน
3. Bannai Shokudo
ราเม็งสูตรนี้เป็นของร้านชื่อดัง บันไน โชกุโด (坂内食堂 – Bannai Shokudo) แห่งเมืองคิตะกะตะ ราเมงเส้นใหญ่ สดใหม่ที่นวดแป้งเองกับน้ำซุปต้มกระดูกแบบน้ำใสปรุงรสอย่างอร่อย สืบทอดคงามอร่อยนี้กันมานานไม่ต่ำกว่า 50 ปี ความพิเศษของคิตะคาตะราเมง คือเส้นที่หยัก และน้ำซุปที่รสชาติเบาๆ แต่รสชาติจัดเต็มความอร่อย