หลังจากทนคิดถึงเมืองไทยอยู่ 3 ปีเต็ม ในที่สุด 5 หนุ่มหล่อ ร้องดี แร็ปดี เล่นดนตรีเก่ง “เอ็น.ฟลายอิ้ง”( N.Flying) จากค่าย “เอฟเอ็นซี เอนเตอร์เทนเม้นต์” (FNC ENTERTAINMENT) ก็ได้โอกาสเดินทางมาพบกับ เอ็นเฟียชาวไทยอีกครั้งในงานคอนเสิร์ต “2022 เอ็นฟลายอิ้ง ไลฟ์ ‘อินทู เดอะ ไลท์’ อิน แบงคอก” (2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ณ อัลตร้า อารีน่า ชั้น 6 ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี แต่ก่อนที่จะไประเบิดความมันส์ในคอนเสิร์ต ทางผู้จัดใจดี “อะชิ แอคทิเวชั่น” (A CHI ACTIVATION), บริษัท “ชาณ แอคทิเวชั่น จำกัด” (CHAN ACTIVATION CO., LTD.) ก็ได้พาทั้ง 5 หนุ่มหล่อ นำโดย อี ซึงฮยอบ (Lee Seung Hyub : หัวหน้าวง, ร้องนำ, แร็ปเปอร์, กีต้าร์, เปียโน), ชา ฮุน (Cha Hun : กีต้าร์), คิม แจฮยอน (Kim Jae Hyun : กลอง), ยู ฮเวซึง (Yoo Hwe Seung : นักร้องเสียงหลัก) และ ซอ ดงซอง (Seo Dong Sung : เบส) มาพูดคุยกันก่อนในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ ทองหล่อ ชั้น 6 โดยมีพิธีกรและล่ามทูอินวัน อย่างคุณยูคอนยอง รับหน้าที่บนเวที
ทันทีที่หนุ่มๆ เอ็นฟลายอิ้ง ปรากฏตัวด้วยท่าทีสุดคึกคักแต่หล่อและน่ารักยิ่งกว่าเดิม พี่ๆ สื่อมวลชนก็รัวชัตเตอร์ไม่ยั้งตามที่นัดหมายกันไว้ ก่อนหนุ่มๆ จะทักทายว่า “สวัสดีครับ We are N.Flying” แล้วจึงเริ่มแนะนำตัวเป็นภาษาไทยทีละคน เริ่มจาก “ผมชื่อชาฮุน ครับ”, “ผมชื่อ ฮเวซึง ครับ”, “สวัสดีครับ ผมชื่อ ซึงฮยอบ ครับ”, “ผมชื่อ แจฮยอน ตีกลองใน N.Flying ครับ” และ “ผมชื่อ ดงซอง ครับ”
พอถามหนุ่มๆ ว่าเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองไทยกันเลยเหนื่อยกันมั้ย.. แต่หนุ่มๆ บอกว่าไม่เหนื่อยครับ คุณยู ก็พาเข้าคำถามแรกทันที “ได้กลับมาจัดคอนเสิร์ตที่เมืองไทยครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่ละคนรู้สึกอย่างไรกันบ้าง?” ซึงฮยอบตอบว่า “3 ปีที่แล้ว พวกผมได้เจอการต้อนรับที่อบอุ่นมากๆ ตั้งแต่ที่สนามบินจากเหล่า เอ็นเฟียไทย พอหลังจาก 3 ปีผ่านไป พวกเรากลับมาอีกรอบก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นเดิม ซึ่งรู้สึกมีความสุขมากๆ แล้วก็สิ่งที่ดีใจกว่านั้นก็คืออากาศอุ่นดีครับ เพราะตอนนี้ที่เกาหลีอากาศหนาวอยู่น่ะครับ” ตามติดด้วยคำถามที่สอง “มาเมืองไทยคราวที่แล้ว N.Flying มี Vlog ด้วย ไปทำกิจกรรมพักผ่อนมากมายในเมืองไทย เลยอยากจะถามว่ามีกิจกรรมอะไรที่อยากทำ อยากกิน หรืออยากเที่ยวที่ไหนบ้าง?” ซึงฮยอบบอกว่า “เพราะแฟนๆ เรียกร้องให้ถ่าย Vlog อีก ครั้งนี้ก็เลยจะถ่ายกันครับ จริงๆ แล้วเรื่องของการถ่ายการกินการเที่ยวอะไรพวกนี้มันก็สนุกดีนะครับ แต่ในช่วง 3 ปีที่ไม่ได้มาพบกับ เอ็นเฟียไทย พวกเรามีเพลงใหม่ๆ ออกมาค่อนข้างเยอะ และอยากร้องเพลงเหล่านั้นให้ เอ็นเฟียไทย ได้ฟังจริงๆ ครั้งนี้เลยอยากจะเน้นถ่ายช่วงระหว่างซ้อมเพลงที่อยากร้องให้ฟังเพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นเบื้องหลังและได้ฟังเพลงที่เราอยากจะร้องด้วยครับ” คำถามต่อไป “สปอยล์ถึงความพิเศษของงานครั้งนี้ดีกว่าว่าเตรียมอะไรมาให้กับ เอ็นเฟียไทยกันบ้าง?” แจฮยอนขอตอบบ้าง “จริงๆ ไม่ต้องพูดก็ได้แต่อยากให้มาดูกันมากกว่าว่าพวกเราเตรียมอะไรพิเศษไว้บ้าง เพราะว่าพวกเรากลับมาในรอบ 3 ปี สิ่งที่ เอ็นเฟียไทยคาดหวังและรอคอยนั้น รับรองว่าจะได้รับและได้ชมอย่างเต็มอิ่มแน่ๆ ในวันพรุ่งนี้ครับ”
เข้าสู่คำถามที่สี่ “ทันทีที่ขายบัตรคอนเสิร์ต บัตรโซนด้านหน้าและโซนทางเดินขายหมดเร็วที่สุด จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า เอ็นฟลายอิ้ง ขึ้นชื่อเรื่องการเซอร์วิสแฟน รู้สึกยังไงบ้างที่ เอ็นเฟียไทยรู้สึกแบบนี้?” ฮเวซึงเล่าว่า “ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาก็มีเพลงใหม่ในอัลบั้มใหม่ๆ ออกมาเยอะ ซึ่งก็จะมีโอกาสร้องให้ เอ็นเฟีย ไทย ได้ฟังกันสดๆ ในวันพรุ่งนี้เลยครับ” น้องเล็กดงซองกล่าวเสริมว่า “จริงๆ สิ่งที่เตรียมมาในวันพรุ่งนี้เราได้คัดเพลงที่อยากจะร้องให้ทุกๆ คนได้ฟังมาแบบพิเศษเลย แต่ก็ยังมีเพลงที่ไม่ได้ถูกเลือกด้วยข้อจำกัดของเวลาในการแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งเพลงเหล่านั้นเราจะขอแปะไว้ก่อน แล้วจะกลับมาเมืองไทยบ่อยๆ เพื่อร้องเพลงที่ยังไม่ได้ร้องให้ เอ็นเฟียไทยได้ฟังกันมากขึ้นครับ” จากนั้น ซึงฮยอบ ช่วยตอบปิดท้ายคำถามนี้ว่า “คอนเสิร์ตเมื่อ 3 ปีที่แล้วยังอยู่ในความทรงจำไม่ลืมเลยครับ จำได้ด้วยว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไร ตอนนั้น เอ็นเฟียไทยมีความสุขมากๆ เอ็นฟลายอิ้ง ก็มีความสุขมากถึงขนาดต้องกระโดดลงไปเพื่อมอบความสุขให้แฟนๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ออกมาจากข้างในของพวกเรา แต่ครั้งนี้ผมก็คิดเยอะอยู่เหมือนกันว่าจะอยากจะลงไปสนุกกับแฟนๆ แบบนั้นอีก แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยที่ต้องมาก่อน แต่ผมก็ยังรับปากไม่ได้ว่าจะห้ามใจไม่ให้ลงไปได้มั้ยนะครับ”
คำถามต่อมา “นอกจากคอนเสิร์ตแล้ว ครั้งนี้ เอ็นฟลายอิ้ง ยังมีกิจกรรม “เดียร์เลส แฟน ไซน์ อีเว้นท์ อิน แบงคอก” (Dearest FAN SIGN EVENT IN BANGKOK) ด้วย ถือเป็นครั้งแรกที่ เอ็นเฟีย ไทย ได้ใกล้ชิดกับพวกคุณในกิจกรรมแฟนไซน์เลย ช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยว่า เอ็นเฟียไทยควรเตรียมตัวยังไงและทำยังไงเพื่อลดความตื่นเต้น” ซึงฮยอบตอบว่า “เมมเบอร์ก็จะพยายามควบคุมให้แฟนๆ ไม่ตื่นเต้นมากให้ได้ แต่ว่าจริงๆ แล้วพวกเราเองก็ตื่นเต้นนะครับกับการมีงานแฟนไซน์แบบนี้ ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง การที่เราต่างก็พูดคุยด้วยความตื่นเต้นก็เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ แค่เราอินกับมันก็โอเคแล้วละครับ” เข้าคำถามต่อไปกันเลย “พูดถึงผลงานมินิอัลบั้ม Dearest กันบ้าง ว่าอัลบั้มนี้มีความน่าสนใจยังไง?” ชาฮุนขอตอบบ้าง “อัลบั้มที่ชื่อ Dearest มาจากคำว่า ‘Dear’ ที่ใช้เขียนหัวจดหมายเป็นการแสดงความรักความเคารพ แต่ว่าพอเราเติมคำว่า ‘est’ ที่แปลว่า ‘ที่สุด’ เข้าไป เลยอยากจะมอบเพลงนี้ให้กับพวกเค้าเหล่านั้น นั่นคือความหมายของชื่ออัลบั้มครับ ซึ่งพอเป็นเพลงที่มอบให้กับคนที่เรารักที่สุด เพราะฉะนั้นเราก็จะใส่ใจ โฟกัสไปที่คุณภาพของเพลง ดนตรี ให้อยู่ในระดับที่เราคิดว่ามันสมควรจะมอบให้กับคนที่เรารักที่สุดได้มั้ย บอกได้เลยว่าอัลบั้มนี้ฟังเพลงไหนก็ตาม น่าฟัง ทุกเพลงครับ”
มาถึงคำถามที่เจ็ดกันแล้ว “เพลงไตเติ้ลของอัลบั้มนี้ชื่อเพลง ‘폭망’ ความจริงภาษาเกาหลีแปลว่า ‘เจ๊ง’ แต่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า (I Like You) เดี๋ยวต้องไปฟังในเพลงว่าความหมายมันเกี่ยวข้องกันยังไง เพื่อให้ต่อเนื่องกับความหมายของเพลงเลยขอถามว่าแต่ละคนชอบอะไรกันบ้าง?” ชาฮุนตอบว่า “ผมเลี้ยงแมวอยู่ เพราะฉะนั้นการได้ใช้เวลาอยู่กับแมวจึงเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดครับ” คนถัดมา ฮเวซึง “I Like Thailand ครับ นี่เป็นการกลับมาของพวกเราในรอบ 3 ปีใช่มั้ยครับ ผมมีความคิดอยู่ตลอดว่าจะต้องเพอร์ฟอร์มเวทีและการร้องที่ดีมากขึ้นกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วให้ได้ แต่ที่บอกว่าชอบเมืองไทยนั่นเพราะว่าพอมาถึงเมืองไทยปุ๊บ อากาศร้อน เป็นอากาศที่โดยส่วนตัวชอบอยู่แล้ว และระดับของความชื้นในอากาศเหมาะกับการรักษาสุขภาพเสียงด้วยในฐานะนักร้องนะครับ พอมาเจอแบบนี้เนี่ย ผมรู้เลยว่าเวทีในวันพรุ่งนี้จะต้องทำออกมาได้ดีแน่ๆ ครับ” มาถึงลีดเดอร์ ซึงฮยอบกันบ้าง “ชอบเมืองไทยนะครับ แต่พอเป็น เอ็นเฟียไทยเนี่ย… จะตายให้ได้เลยครับ” คนก่อนหน้าตอบแบบนี้ แจฮยอน รู้สึกกดดันน่าดูแต่ก็ตอบว่า “การที่ได้มาเจอกับ เอ็นเฟีย ก็เพราะมีเมมเบอร์ของเราอยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือสมาชิกในวงของเราครับ” มาถึงน้องเล็ก ดงซอง กันบ้าง “สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการนอนและเล่นเกม แต่มีสิ่งเดียวที่สามารถทำให้ผมหยุดนอนและเล่นเกมได้ก็คือ การมาเจอกับ เอ็นเฟีย (อ้อนแฟนๆ ขนาดนี้ จะให้ไม่รักยังไงไหว)
คำถามต่อไปกันเลย “นอกจากเพลงเพราะๆ ที่แฟนๆ ชื่นชอบแล้ว เอ็นฟลายอิ้ง ยังเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นดนตรีให้กับหลายๆ คนด้วย ช่วยแนะนำเคล็ดลับในการเล่นดนตรีให้ดีได้อย่างไรหน่อยได้มั้ย?” แจฮยอนอธิบายว่า “ผมคิดว่าการเล่นดนตรีมันไม่ได้มีสูตรตายตัว การที่เราเล่นเพลงๆ หนึ่งด้วยสไตล์การเล่นของตัวเอง ใส่ความเป็นตัวเองลงไปให้มากที่สุดเพื่อที่จะบรรเลงเพลงนั้นให้ดี นั่นแหละครับคือดนตรีที่ดีที่สุด” ดงซองขอเสริมบ้างว่า “ดนตรีมันไม่มีสูตรตายตัวก็จริงแต่มันมีการสัญญา เราต้องเล่นตามที่เราสัญญาไว้ แต่ให้อยู่ในขอบเขตนั้นด้วยรูปแบบของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่เราเอนจอยกับดนตรีที่เราเล่นให้มากที่สุด แล้วดนตรีที่เราเล่นก็จะออกมาดี”
มาถึงคำถาม “เผลอแป๊บเดียว เอ็นฟลายอิ้ง ก็เดบิวต์มาเกือบ 10 ปีแล้ว คิดว่าตัวเองมีพัฒนาการด้านใดบ้าง หรือว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แล้วความสัมพันธ์กับเมมเบอร์ยังแนบแน่น ดีขึ้น หรือเปลี่ยนไปในทิศทางไหน?” แจฮยอนบอกว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ในวง อันนี้ไม่ต้องสงสัยเลยครับ เพราะความรักใคร่ระหว่างเมมเบอร์นี่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงพัฒนาการในด้านดนตรีของ เอ็นฟลายอิ้ง ถ้ามองย้อนกลับไปในระหว่างทาง 10 ปีนี้ ก็จะมี ฮเวซึง เข้ามาเป็นเมมเบอร์ใหม่ ระหว่างนั้นก็มี ดงซอง เข้ามา ซึ่งแต่ละครั้งที่มีเมมเบอร์ใหม่เข้ามาก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีขึ้น มีพัฒนาการมากขึ้น ซึ่งพูดได้เลยว่าการเข้ามาของ 2 คนนี้ ทำให้เป็นการยกระดับคุณภาพของ เอ็นฟลายอิ้ง ไปอีกขั้นหนึ่ง” ฮเวซึง พูดเสริมว่า “พวกผมได้ไปออกรายการ The Idol Band ที่เกาหลี รับหน้าที่กรรมการ ซึ่งได้เจอนักดนตรี กับ โปรดิวเซอร์ ทำให้พวกผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก โชคดีที่ตอนที่พวกเราไปออกรายการนั้นเป็นช่วงที่กำลังเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตที่ไทยพอดี จึงทำให้เกิดแรงโมติเวชั่นเยอะมาก จนตาลุกเป็นไฟในการเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตนี้เลยครับ” คุณยู แอบชม ชาฮุน ที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่าหล่อขึ้นนะ แต่ชาฮุนตอบแบบถ่อมตัวมากๆ ว่า “ผมก็กำลังพยายามอยู่ครับ” มาถึงคำถามไฮไลต์ “