สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาขน) หรือ NIA แถลงข่าวการจัดงาน “สตาร์ทอัพและอินโนเวชันไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2022” (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 : SITE 2022) เตรียมสร้างปรากฎการณ์ใหม่และความยิ่งใหญ่ในรูปแบบ Metaverse ที่จะพาคุณเชื่อมต่อเมืองนวัตกรรมจากทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน” จัดงานในรูปแบบไฮบริด ณ อาคารอุทยานนวัตกรรม (ซอยโยธี) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และทางออนไลน์จัดในรูปแบบจักรวาลนฤมิต (Metaverse) หวังเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน ระหว่างวันที่ 23 – 25 มิถุนายน 2565 เข้าร่วมฟรีทุกกิจกรรม!!
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนับตั้งเเต่ต้นปี 2020 ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมโรคเเละลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักและเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้น NIA ในฐานะองค์กรหลักที่มุ่งใช้นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO ขึ้น ตั้งแต่ปี 2020 โดยมีสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการไทยนำสุดยอดนวัตกรรมเข้าร่วมแสดงศักยภาพด้านนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตลอด 2 ปี ของการจัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงการใช้ ‘นวัตกรรมเพื่อรับมือภาวะวิกฤติ’ ในระดับโลกที่มาในหลากหลายรูปแบบได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังเป็นต้นแบบให้กับงานอีเว้นท์ต่อๆ มานำไปปรับใช้ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตได้ เช่น “Virtual Concert”การนำเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์สตูดิโอเสมือนจริง เพื่อให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดกับศิลปินและมีส่วนร่วมระหว่างการชมคอนเสิร์ต “Virtual Marketplace” ตลาดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเสมือน โดยผู้จำหน่ายและผู้ซื้อสามารถพูดคุยกันได้แบบเรียลไทม์เหมือนคุยกับแบบ face to face ทำให้การติดต่อธุรกิจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแม้จะมีอุปสรรคในการเดินทาง และเป็นเทรนด์ต่อเนื่องให้เกิดการติดต่อธุรกิจรูปแบบใหม่เกิดขึ้น นอกจากนั้น ยังเป็นการรวมทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศให้เข้มแข็งขึ้น
ผลงานเชิงประจักษ์ที่นับเป็นความสำเร็จจากการจัดงานดังกล่าว นอกจากจะเป็นการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อรับมือภาวะวิกฤติ และการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มของการจัดงานในรูปแบบเสมือนจริงแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบที่ดีในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และวัฒนธรรม โดยการจัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO ในปี 2020 เกิดการเข้าถึงสินค้าและบริการของ 200 สตาร์ทอัพผ่านตลาดสินค้าออนไลน์กว่า 42,000 ครั้ง เกิดการจ้างงานด้านนวัตกรรมไม่น้อยกว่า 1,500 อัตรา และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและการลงทุนมากกว่า 15,000 ราย สำหรับการจัดงานในปี 2021 สามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและการลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาท เข้าถึงสินค้าและบริการของ 200 สตาร์ทอัพ มีผู้เข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 181,400 ครั้ง และสิ่งสำคัญของการจัดงานทั้ง 2 ปี คือ ทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการพัฒนาวิชาชีพและการศึกษา
ดร. พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดงานในปี 2022 นี้ NIA ได้พัฒนาก้าวล้ำไปอีกขั้นสู่โลกของจักรวาลนฤมิต (Metaverse) ที่สมบูรณ์ เต็มรูปแบบที่สุดครั้งแรกของไทย ภายใต้แนวคิด “Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน” เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ และตื่นตาตื่นใจในการเข้าร่วมงานได้มากกว่าที่เคย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างตัวตน (Avatar) และทำกิจกรรมต่างๆ ในโลกเสมือนคู่ขนานไปกับโลกจริงทางกายภาพได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานได้แบบเรียลไทม์ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้เข้าร่วมงาน เช่น การพูดคุยกับวิทยากรผ่านโลกเสมือน การรับชมสินค้าและบริการในโลกเสมือน
ภายในงาน SITE 2022 ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 4 ด้าน คือ 1) METAVERSE FORUM สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการเข้าร่วมสัมนาสดผ่านจักรวาลนฤมิตตลอด 3 วันเต็ม ภายใต้ 3 หัวข้อหลัก คือ GLOBAL INNOVATION CITY, INNOVATION THAILAND และ METAVERSE ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อที่น่าสนใจเกาะเทรนด์โลกมากกว่า 35 หัวข้อ ถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนวัตกรรมจากวิทยากรทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 80 ท่าน 2) OPPORTUNITY เปิดโอกาสสำคัญในการจับคู่ทางธุรกิจผ่านกิจกรรม METAVERSE MARKETPLACE พบกับตลาดสินค้านวัตกรรมจากสตาร์ทอัพสายนวัตกรรมและองค์กรชั้นนำที่จะมาแนะนำสินค้านวัตกรรมผ่านจักรวาลนฤมิตกว่า 100 บูธ พร้อมด้วย BUSINESS CONSULTING บริการให้คำปรึกษาออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญภาครัฐและเอกชนกว่า 30 คน ในมากกว่า 10 สาขา และBUSINESS MATCHING การจับคู่ธุรกิจกับหน่วยงานธุรกิจกว่า 30 บริษัท 3) SHOW การแสดงนวัตกรรมที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ทางนวัตกรรมของประเทศไทย ที่สามารถนำไปสู่การขยายผลเชิงพาณิชย์และมีการใช้จริงภายใต้ธีม ‘Innovation for Crafted Living: นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น’ และ 4) AWARD พิธีประกาศผลรางวัลอันทรงเกียรติ Prime Minister Award ให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีของประเทศ และเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจให้แก่สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีให้ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมด้วยรางวัลสำหรับนวัตกรรมรับมือวิกฤตเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ภายในงานแถลงข่าวได้จัดเสวนาในหัวข้อ ‘Innovative Organization Perspectives in Changing World’ โดยมีองค์กรชั้นนำเข้าร่วมประกอบด้วย ภาคธุรกิจสื่อสารจากบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ภาคธุรกิจบริการทางการแพทย์จากบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ดร.พัชรินทร์ บุญยะรังสรรค์ ผู้ช่วยประธานฝ่ายปฏิบัติการ ด้านคุณภาพการรักษาพยาบาลและนวัตกรรม ภาคธุรกิจพลังงานจากบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ และ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองแนวทางการพลิกจากวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจด้วยนวัตกรรม และการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อรองรับ ‘การเปิดเมืองนวัตกรรม’ ของประเทศไทยในอนาคต พร้อมเผยกุญแจดอกสำคัญที่แต่ละองค์กรต้องให้ความสำคัญเพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวต่อไปได้
“แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19 มีแนวโน้มจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่เรายังไม่สามารถวางใจได้เต็มร้อย งาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 จึงเป็นเสมือนการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเมืองหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด–19 คลี่คลาย ซึ่งจะเป็นการเชื่อมประเทศไทยกับนานาประเทศทั่วโลกให้กลับมามีปฏิสัมพันธ์ต่อกันดังที่ผ่านมา พร้อมเปิดมุมมองใหม่ให้ทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทยมีเมืองนวัตกรรม (Innovation City) ที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และมีความพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับเมืองนวัตกรรมจากทั่วโลกเพื่อฟื้นฟูให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันได้ต่อไป และขอเชิญชวนให้ผู้คนในแวดวงสตาร์ทอัพสายนวัตกรรม ผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม เอสเอ็มอี และผู้ที่สนใจงานนวัตกรรมเข้ามาพบปะกัน เพื่อร่วมเรียนรู้แลกเปลี่ยนแนวคิด เตรียมพร้อมเปิดประเทศต้อนรับผู้คนในแวดวงสายนวัตกรรมจากต่างประเทศไปด้วยกัน” ดร.พันธุ์อาจ กล่าวทิ้งท้าย