ไทยรัฐกรุ๊ป ประกาศจับมือพันธมิตร ตั้งเป้าจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด-19 (Rapid Antigen Test Kit) 100,000 ชุด เพื่อส่งมอบให้ถึงมือประชาชนคนไทย

กรุงเทพมหานคร, 14 กรกฎาคม 2564 – ด้วยสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และสาหัสขึ้นทุกวันในประเทศไทย มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับข่าวร้ายของการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ นอกจากวัคซีนจะเป็นหนึ่งในทางออกของวิกฤตของประเทศแล้ว การเร่งดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกก็เป็นอีกหนึ่งในมาตรการสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ 

ไทยรัฐกรุ๊ป อันประกอบไปด้วย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไทยรัฐทีวี ไทยรัฐออนไลน์ ไทยรัฐ ลอจิสติคส์ และเครื่องสำอางเอฟเวอร์พิงค์ จึงประกาศเจตนารมณ์ที่จะจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด-19 ประเภทแรพิดเทสต์ (Rapid Test) แบบตรวจหาแอนติเจน (Antigen) ให้กับประชาชนคนไทย โดยประกาศรับการสนับสนุนจากพันธมิตรภาคเอกชน เพื่อจัดหาชุดตรวจให้ได้ขั้นต่ำ 100,000 ชุด และนำไปสนับสนุนการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อในพื้นที่เสี่ยง

คุณวัชร วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายงานการบริหารส่วนกลาง ไทยรัฐกรุ๊ป เผยถึงจุดเริ่มต้นของโครงการนี้ว่า “ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง และในฐานะที่เป็น “สื่อ” ที่อยู่เคียงข้างสังคมไทยมายาวนาน เราไม่อาจนิ่งนอนใจต่อวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา แน่นอนว่า ไทยรัฐนำเสนอข่าว เป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน สะท้อนความทุกข์ยากของประชาชนแล้ว แต่เราจะต้องลงมือช่วยเหลือสถานการณ์นี้ให้มากขึ้นอีก เราพบว่านอกจากวัคซีนแล้ว การตรวจหาเชื้อให้ได้มากที่สุดเพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อออกจากผู้ที่ไม่ติดเชื้อ ก็เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญมากในสถานการณ์นี้ จึงเกิดเป็นโครงการจัดหาชุดตรวจเชื้อ Rapid Antigen Test Kit ในวันนี้ขึ้น

“ภารกิจแรกของ “ปฏิบัติการ ไทยรัฐ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ตรวจหาเชื้อ” คือ การจัดหาชุดตรวจ Rapid Antigen Test ให้ได้มากที่สุด โดยเริ่มแรกตั้งเป้า 100,000 ชุด เพื่อส่งมอบให้ถึงมือประชาชนคนไทย โดยไทยรัฐกรุ๊ปได้เร่งพูดคุยกับพันธมิตรภาคเอกชน และอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมจำนวนเงินสนับสนุน เพื่อดำเนินการโครงการนี้ให้สำเร็จ ขอให้มั่นใจว่า ไทยรัฐกรุ๊ปรวบรวมทุกสรรพกำลังมาทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงครับ”

เพื่อขับเคลื่อนโครงการนี้ ไทยรัฐกรุ๊ปได้ติดต่อบริษัท True Healthcare ซึ่งได้รับอนุญาตให้นำเข้าชุดตรวจ Rapid Antigen Test จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  และจะได้รับชุดตรวจล็อตแรกจำนวน 50,000 ชุดในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ ไทยรัฐกรุ๊ปยังได้ประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อจัดส่ง และกระจายชุดตรวจดังกล่าวไปให้ถึงมือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และเป็นกลุ่มคนเปราะบางให้ได้เร็วที่สุดอีกด้วย

โดย คุณจิตสุภา วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์ ไทยรัฐกรุ๊ป กล่าวว่า “วันนี้ทีมไทยรัฐได้ประชุมวางแผนงานร่วมกับหน่วยงานทั้งสองหน่วย หน่วยงานแรก คือ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร โดยมีคุณวนิดา วงศ์เล็ก นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และนายแพทย์ฐิติสันต์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา อายุรแพทย์โรคระบบการหายใจ ผู้อำนวยการศูนย์บริการสาธารณสุข 28 กรุงธนบุรี สำนักอนามัย เป็นตัวแทนร่วมประชุม ทางสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร มีแผนจะจัดส่งทีมบุคลากรทางการแพทย์เข้าไปตรวจคัดกรองประชาชนด้วยชุดตรวจ Rapid Antigen Test ในชุมชนกว่า 2,000 ชุมชนอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ชุดตรวจ ทางไทยรัฐก็จะนำเอาชุดตรวจนี้ไปสมทบเลย เพื่อช่วยให้สำนักอนามัยสามารถดำเนินการตรวจคัดกรองได้เร็วขึ้น ส่วนหน่วยงานที่สอง คือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เราได้ประชุมร่วมกับทันตแพทย์ อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสปสช. และโฆษก สปสช. ซึ่งระบุว่าทางสปสช.ได้ทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองประชาชน ตอนนี้มีศูนย์ตรวจอยู่ 4 จุด แต่เตรียมจะเพิ่มเป็น 5 จุด พร้อมกับชุดตรวจเคลื่อนที่อีก 10 ทีม เพื่อให้สามารถกระจายเข้าไปตรวจในชุมชนได้อย่างคล่องตัว และทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

“หลังจากประชุมวางแผนร่วมกันแล้ว ทางไทยรัฐจะกระจายชุดตรวจให้กับทั้ง 2 หน่วยงาน หน่วยงานละ 50,000 ชุด รวมทั้งสิ้น 100,000 ชุดตรวจ และจะพิจารณาการจัดหาบุคลากรทางการแพทย์ ที่สามารถลงพื้นที่ได้ไปช่วยตรวจคัดกรองประชาชนเพิ่มเติมด้วย เปรียบเสมือนเป็นการเสริมกำลังพลให้กับหน่วยงานเดิมที่รับผิดชอบอยู่ พร้อมกับรับสมัครพนักงานจิตอาสาในเครือไทยรัฐกรุ๊ปให้ลงพื้นที่ เพื่อเป็นกำลังเสริมในการอำนวยความสะดวกในพื้นที่ เช่น การลงทะเบียน การตั้งแถวคอย เป็นต้น” 

ไทยรัฐกรุ๊ป ตั้งความหวังว่า “ปฏิบัติการ ไทยรัฐ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ตรวจหาเชื้อ” ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จตามเป้าภารกิจที่ตั้งไว้ และเราคาดหวังว่า การระดมความช่วยเหลือพร้อมกับพันธมิตรต่างๆ ในครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งในก้าวแรกของพันธกิจที่สำคัญของเรา ที่พร้อมยืนหยัดเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ที่จะร่วมกันพาประเทศไทยก้าวผ่านทุกวิกฤตไปด้วยกัน