
กรุงเทพฯ 27 มีนาคม 2568 – รพ. เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จัดงาน “Family Love & Protection ไข้เลือดออก ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องป้องกัน” ชวนคนไทยป้องกันไข้เลือดออกกันทั้งครอบครัว พร้อมให้ความรู้ไข้เลือดออกในทุกมิติ ตั้งแต่อาการ การรักษา การป้องกัน และทางเลือกในการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน พร้อมเชิญ คุณตู่–ภพธร สุนทรญาณกิจ และครอบครัว มาร่วมสนทนาแนวทางป้องกันไข้เลือดออก ส่งเสริมให้ทั้งผู้ปกครองและลูกน้อยเสริมเกราะป้องกันไข้เลือดออกกันทั้งครอบครัว
พญ. สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มรพ.สมิติเวชและรพ.บีเอ็นเอช และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า เรามีความมุ่งมั่นที่อยากเห็นเด็กโตไปสุขภาพดี #โตไปไม่ป่วย ให้เด็กทุกคนเติบโตอย่างแข็งแรง และมีสุขภาพดีตั้งแต่เกิด โดยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Smart Hospital กับความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ พร้อมการดูแลที่ครบวงจรและเหมาะสมกับทุกช่วงวัย โดยเน้นย้ำในเรื่องการทำ Early Care ไม่ป่วยเพราะรู้ทันก่อนเกิดโรค และการ Prevention ลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าการป้องกัน ดีกว่าเสียเงินเพื่อการรักษา
ปัจจุบัน โรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นกับเด็กมีหลายโรคด้วยกัน หรือแม้กระทั่งโรคที่เป็นกันได้ทุกเพศทุกวัยอย่าง ไข้เลือดออก เป็นโรคที่มีอัตราการระบาดทุกปีและสร้างความสูญเสียทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมอย่างมากมาย กลุ่มเด็กอายุไม่เกิน 14 ปี เป็นกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดจากข้อมูลของกรมควบคุมโรค การป้องกันไม่ให้เกิดโรคจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเพราะเราไม่รู้ว่าเราได้รับเชื้อมาตอนไหน ยิ่งเราไม่รู้เราจึงยิ่งต้องป้องกัน การเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน เป็นหนึ่งในทางเลือกของการป้องกันที่สามารถลดความรุนแรงและอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ สร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กๆ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เพราะเราอยากให้เด็กทุกคน #โตไปไม่ป่วย”
พญ. วิริยาภรณ์ จันทร์รัชชกูล กุมารแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงโรคไข้เลือดออกในเด็กและวิธีการป้องกันตนเองและลูกน้อยให้ห่างไกลไข้เลือดออกว่า “ไข้เลือดออกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก อาการแสดงของโรคมีตั้งแต่ ไม่มีอาการผิดปกติ ไปจนถึงมีไข้สูงลอย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เด็กเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ปกครองจึงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย การป้องกันยุงกัดด้วยสเปรย์กันยุง และอีกหนึ่งทางเลือกคือที่สามารถทำควบคู่กับไปได้การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ที่สามารถลดความรุนแรงของโรคและอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ 80-90%* นอกจากตัวเด็กเองแล้ว ผู้ปกครอง วัยผู้ใหญ่ทำงาน และผู้สูงอายุควรป้องกันตนเองเช่นกัน เพราะไข้เลือดออกสามารถเป็นได้ทุกวัย การสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องโรคและการป้องกันจะช่วยให้ทั้งครอบครัวห่างไกลจากไข้เลือดออกได้”
ด้าน คุณตู่–ภพธร สุนทรญาณกิจ กล่าวว่า “แม้ว่าเราเป็นครอบครัวที่ใส่ใจการดูแลสุขภาพ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ แต่กับเรื่องไข้เลือดออกยอมรับว่ารู้สึกว่ามันไกลตัว แต่จริงๆ แล้วมันใกล้ตัวและน่ากลัวกว่าที่คิดมาก คุณแม่ของภรรยาก็เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน อาการรุนแรง นอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน เราไม่รู้เลยว่าจะเป็นโรคนี้เมื่อไร ยุงที่กัดเราจะทำให้เราเป็นไข้เลือดออกไหม เพราะฉะนั้นเราต้องหันมาป้องกันไว้ก่อน เลี่ยงไม่ให้ยุงกัด จัดบ้านไม่ให้รก สอนลูกเสมอว่าต้องรักษาความสะอาด การเอาขยะไปทิ้งทุกวัน และอีกหนึ่งทางเลือกคือการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างเกราะป้องกันให้แน่นหนายิ่งขึ้น เพราะเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัดเราได้ การเสริมภูมิคุ้มกันตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะยิ่งไม่รู้ เรายิ่งต้องป้องกัน”
*คำแนะนำการให้วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ โดยสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2568
โปรแกรมวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์ ชนิด 2 เข็ม ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 4-17 ปี ราคา 4,400 บาท ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าแพทย์ แต่รวมค่าบริการโรงพยาบาล
· ฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป
· ฉีด 2 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 3 เดือน
· ฉีดได้ทั้งในคนที่เคยและไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนโดยไม่ต้องทำการตรวจเลือด
· ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง
· สำหรับผู้ที่เคยเป็นไข้เลือดออกแล้ว แนะนำให้รับวัคซีนหลังจากหายแล้วอย่างน้อย 6 เดือน
· สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่ไม่ใช่แหล่งระบาดของไข้เลือดออก มายังแหล่งระบาดบ่อยรวมถึงประเทศไทย หรืออยู่ในแหล่งระบาดเป็นเวลานานตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป พิจารณาให้ฉีดวัคซีนไข้เลือดออกชนิด 2 เข็ม ควรได้รับเข็มแรกอย่างน้อย 14 วัน ก่อนเดินทางและรับให้ครบ 2 เข็ม ภูมิจากการฉีดวัคซีนจะขึ้นสูงสุด หลังฉีด 4 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นานอย่างน้อย 4.5 ปี หลังฉีดครบ 2 เข็ม