เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 61 ที่โรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็น ต.วาวี อ.แม่สรวยจ.เชียงราย กลุ่มสิงห์อาสา โดยบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา 15 สถาบัน นักศึกษาสิงห์อาสาต่างชาติ จัดกิจกรรมสิงห์อาสา 15 สถาบัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ในโครงการ “ออกค่ายไปกอดน้อง ปี 4” โดยมี นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด พร้อมด้วย ผู้บริหารบริษัท บุญรอดฯ พนักงานบุญรอดฯ บรรดาเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาทั้งไทยและต่างชาติ สื่อมวลชนและศิลปินดารานักแสดง มอบเสื้อกันหนาวกว่า 1,000 ตัว แก่ชาวบ้านและนักเรียนที่โรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็น ทั้งนี้ นายเจษฎา แซ่หาง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็น พร้อมคณะอาจารย์ นักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็น และชาวบ้านคอยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยมีนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็นจัดการแสดงพื้นบ้านให้การต้อนรับในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามภายหลังจากกิจกรรมมอบเสื้อกันหนาว กลุ่มนักศึกษาเครือข่ายสิงห์อาสา ได้ร่วมทำกิจกรรมกับเด็กๆ ชาวเขา เช่น กิจกรรมสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและเปิดโอกาสให้เด็กในถิ่นทุรกันดารได้เรียนรู้เพิ่มทักษะในด้านต่างๆ กิจกรรมโรงเรียนเกษตรพอเพียง กิจกรรมออกหน่วยตรวจสุขภาพให้กับชาวบ้านในชุมชนจากโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง และกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับเด็กๆ และประชาชนในพื้นที่ โดยตำบลวาวี ประกอบด้วย 25 หมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านมีประชากรกว่า 200 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นเกษตรกร และมีประชากรส่วนใหญ่เป็นวัยผู้สูงอายุ อีกทั้งยังมีคนพิการ ทำให้เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวประมาณเดือนพ.ย.-ม.ค. ซึ่งที่นี่เคยหนาวสุดเพียง 5 องศาเท่านั้นชาวบ้านที่นี่จะประสบภัยหนาวอย่างยิ่ง เนื่องจากขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม
สำหรับ กลุ่มสิงห์อาสา และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา ที่มาร่วมโครงการในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 300 คน ประกอบด้วยนักศึกษาชาวไทยจาก 15 สถาบันการศึกษา และนักศึกษาชาวต่างชาติ 14 ชาติ ชาวเยอรมัน เดนมาร์ค สาธารณรัฐแซมเบีย ญี่ปุ่น เนปาล ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อัฟกานิสถาน อิตาลี จีน ออสเตรีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และบัลแกเรีย ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มาจากหลากหลายสถาบันการศึกษาทั้งกทม.และภาคเหนือ ร่วมถึงบรรดานักศึกษาจากหลายๆ ประเทศ มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ทั้งนี้นอกจากนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติจะได้ทำกิจกรรมดีดีร่วมกันแล้ว นักศึกษาทั้งชาวไทยและต่างชาติยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งทางด้านภาษา และวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามอีกด้วยเช่นกัน
ส่วนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั้ง 15 สถาบัน ประกอบด้วย
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- มหาวิทยาลัยรังสิต
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยนเรศวร
- มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
- มหาวิทยาลัยพะเยา
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน
- มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า สิงห์อาสา 15 สถาบัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว โครงการ “ออกค่ายไปกอดน้อง ปี 4” กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมที่ดีและได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะประเทศในช่วงนี้ของทุกปีจะเข้าสู่ฤดูหนาว ประกอบกับทางภาคเหนือของประเทศจะมีอุณหภูมิลดต่ำลง ทำให้อากาศหนาวเย็นขึ้นอย่างมาก ดังนั้นการมอบเสื้อกันหนาวให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่ภาคเหนือจึงมีความสำคัญยิ่ง เมื่อเสื้อกันหนาวสามารถช่วยให้นักเรียนและชาวบ้านอุ่นกายได้แล้ว พวกเขาเหล่านี้ก็อุ่นใจและจะสามารถทำกิจกรรมในแต่ละวันได้อย่างปกติสุข ดังนั้นทางบุญรอดฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงนำกลุ่มสิงห์อาสาและเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา เดินทางเข้าไปมอบเสื้อกันหนาวให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาว ให้แก่พี่น้องประชาชนและเด็กๆ บนดอยในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งจัดต่อเนื่องกว่า 40 ปีแล้ว นอกจากนี้ กลุ่มนักศึกษาเครือข่ายสิงห์อาสา ยังได้ร่วมทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ ชาวเขา เพื่อสร้างความสามัคคีและความสนุกสนานอีกด้วย” นายรังสฤษดิ์ กล่าวอีกว่า “สำหรับโครงการ “ออกค่ายไปกอดน้อง ปี 4” เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมถึงกลุ่มสิงห์อาสา และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา 15 สถาบัน และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาต่างชาติ ซึ่งบริษัท บุญรอดฯ จะเดินหน้าจัดกิจกรรมเหล่านี้อย่างต่อเนื่องทุกปี และจะให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ที่ประสบภัยหนาว เพื่อให้พี่น้องชาวเหนือได้อุ่นทั้งกายและอุ่นทั้งใจ ซึ่งบ้านห้วยน้ำเย็นนับเป็นที่แรกในปีนี้ และเราจะออกค่ายไปกอดน้องในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป”